Sunday, September 11, 2005

NOBUHIRO SUWA

ตอบน้อง paaae จากหน้า 69

ไม่รู้ว่าตอนนี้น้อง paaae หายไข้จากความหล่อของ TSUMABUKI SATOSHI แล้วยัง
http://images-jp.amazon.com/images/P/4873765994.09.LZZZZZZZ.jpg

ดีใจมากค่ะที่น้องได้ไปดู WORLDLY DESIRES (A+) หนังเรื่องนี้พี่ดูแล้วไม่ค่อยอินมากเท่ากับหนังเรื่องอื่นๆของพี่เจ้ย แต่ก็ชอบมากที่หนังเรื่องนี้เหมือนกับมีทั้งความเป็นหนังสารคดี+ความฝันผสมอยู่ด้วยกัน

ได้ดู KISS THE MACHINE แล้ว รู้สึกว่า ART PRODUCTION ของหนังเรื่องนี้สุดยอดมากเลยค่ะ ดูแล้วนึกถึงหนัง EXPRESSIONIST ในทศวรรษ 1920 ของเยอรมนี ชอบมากที่มีการทำหนังแนวแปลกๆแบบนี้ออกมาบ้าง


ตอบคุณแฟรงเกนสไตน์

เห็นคุณแฟรงเกนสไตน์บรรยายถึงเทศกาลดูผู้ชายญี่ปุ่นในหน้า 69 ก็เลยนึกถึงเทศกาลที่อยากดูมากๆอีกเทศกาลนึงค่ะ นั่นก็คือเทศกาลเล่นขว้างมะเขือเทศในสเปน รู้สึกว่าจะชื่อเทศกาล TOMATINA ดูจากภาพแล้วรู้สึกว่าเทศกาลนี้คงจะเลอะเทอะพอๆกับเทศกาลสงกรานต์ของไทย

http://cellar.org/2002/tomatina.jpg


ตอบคุณอ้วน+แฟรงเกนสไตน์

เนื่องจากคุณอ้วนเคยเขียนถึงหนังของ NOBUHIRO SUWA เรื่อง H STORY ไว้ในหน้า 65 และเนื่องจากคุณแฟรงเกนสไตน์เคยชื่นชอบหนังเรื่อง 2/DUO ของ NOBUHIRO SUWA มากดังที่เขียนไว้ในหน้า 58

ก็เลยอยากจะบอกว่าตอนนี้อยากดูหนังเรื่องใหม่ของ NOBUHIRO SUWA มากๆเลยค่ะ หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า A PERFECT COUPLE และนำแสดงโดยสองดาราที่ดิฉันชื่นชอบมากๆ นั่นก็คือ VALERIA BRUNI-TEDESCHI (5X2) และ BRUNO TODESCHINI (HIS BROTHER) หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลสเปเชียล จูรี ไพรซ์จากเทศกาลหนังโลคาร์โนในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อไม่นานมานี้ค่ะ

http://www.e.bell.ca/filmfest/2005/films_description.asp?id=59

โนอาห์ โคแวน เขียนถึง A PERFECT COUPLE ไว้ว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังสองเรื่องที่เกิดจากการร่วมงานกันระหว่างฝรั่งเศส-ญี่ปุ่นที่ได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตปีนี้ โดยอีกเรื่องหนึ่งคือ L’ANNULAIRE (THE RING FINGER) ที่เป็นการนำนิยายคัลท์ของญี่ปุ่นมาดัดแปลงฉากหลังใหม่ให้เกิดในยุโรป โดย L’ANNULAIRE สร้างจากนิยายของ YOKO OGAWA

ใน A PERFECT COUPLE โนบุฮิโร่ ซุวะ ได้สร้างภาษาใหม่ทางภาพยนตร์ที่มีความท้าทายอย่างมากด้วยการนำลักษณะความตึงเครียดอย่างรุนแรงระหว่างมนุษย์แบบที่พบในหนังเรื่อง M/OTHER ของเขา มาใส่ในหนังดรามาเกี่ยวกับการหย่าร้างของชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นแนวหนังที่พบได้บ่อยมากในฝรั่งเศส อย่างเช่นใน 5x2 (A+) และ LA SEPARATION (1994, CHRISTIAN VINCENT, B+) ที่นำแสดงโดย ISABELLE HUPPERT+DANIEL AUTEUILนอกจากนี้ ซุวะเองก็เคยกำกับหนังเกี่ยวกับการล่มสลายของความรักอย่าง 2/DUO (A+) และกำกับหนังที่พูดถึงความทรงจำอย่าง H STORY มาแล้ว และลักษณะดังกล่าวก็ดูเหมือนจะปรากฏใน A PERFECT COUPLE เช่นกัน

คู่รักในเรื่องนี้รับบทโดยวาเลอเรีย บรูนี-เตเดสกี และบรูโน โตเดสกินี (Gentille) ทั้งสองรู้สึกเบื่อหน่ายอีกฝ่ายหนึ่งและหมดรักอีกฝ่ายหนึ่งไปแล้ว ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลานานหลายปี แต่ก็เดินทางกลับมาฝรั่งเศสอีกครั้งเพื่อมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อนคนหนึ่งด้วยกัน และทั้งสองก็ต้องพบกับความยากลำบากอย่างยิ่งยวดในการแจ้งข่าวต่อเพื่อนๆและบุคคลอันเป็นที่รักว่าทั้งสองกำลังจะหย่ากัน

เกือบทุกซีนในหนังเรื่องนี้นำเสนอการพูดคุยของสามีและภรรยาคู่นี้ โดยทั้งสองฝ่ายต่างก็พูดแก้ให้อีกฝ่ายหนึ่ง, ถกเถียงกัน และจดจำเหตุการณ์ในอดีตไม่เหมือนกัน ทั้งสองรู้สึกเจ็บปวดมากกับการหย่าร้าง และเพื่อนๆของพวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน โดยนักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตว่าใครก็ตามที่เคยเลิกกับแฟนจะเข้าใจหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีมากๆ และจะเข้าใจว่าบทสนทนาในหนังเรื่องนี้เจ็บปวดยอกแสยงใจมากเพียงใด

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการถ่ายภาพแบบมืดๆ บางทีอาจจะเพื่อถ่ายทอดไฟที่กำลังจะมอดดับของความสัมพันธ์คู่นี้ โดยซุวะเคยทำแบบนี้มาแล้วกับหนังเรื่อง M/OTHER และผู้ชมก็จะต้องพยายามทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวละครเอาเองในขณะที่เห็นใบหน้าหรือความเคลื่อนไหวทางร่างกายของตัวละครอย่างไม่ชัดนัก
หนังเรื่องนี้มีความเป็นญี่ปุ่นอย่างมากในแง่ที่ว่าหนังเรื่องนี้นำเสนอความรู้สึกอับอายต่อสาธารณชนและการที่ตัวละครต้องเก็บกักอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ภายใน อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ล่มสลายเป็นประเด็นที่คนทั้งโลกเข้าใจได้เป็นอย่างดี และหนังเรื่องนี้ก็ยังคงแสดงให้เห็นว่า NOBUHIRO SUWA ยังคง “ไม่ประนีประนอม” เช่นเดิม
ส่วน THE RING FINGER ที่สร้างจากนิยายของ YOKO OGAWA นั้น เป็นผลงานการกำกับของ DIANE BERTRAND และนำแสดงโดย OLGA KURYLENKO, MARC BARBE (SOMBRE), EDITH SCOB (EYES WITHOUT A FACE) และ HANNS ZISCHLER (BERLIN CHAMISSOPLATZ)

THE RING FINGER ได้รับการเปรียบเทียบกับหนังของ THE BROTHERS QUAY + PETER GREENAWAY และสะท้อนประเด็นสิทธิสตรีเหมือนหนังของ CATHERINE BREILLAT และงานเขียนของ JULIA KRISTEVA ด้วย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ THE RING FINGER ได้ที่
http://www.e.bell.ca/filmfest/2005/films_description.asp?id=19

ขออนุญาตนำสิ่งที่คุณอ้วน+แฟรงเกนสไตน์ เขียนเกี่ยวกับ NOBUHIRO SUWA ไปแปะในเว็บบอร์ดอื่นด้วยนะคะ เพราะว่าชอบสิ่งที่คุณอ้วน+แฟรงเกนสไตน์เขียนมากๆๆเลยค่ะ

ความเห็นของคุณแฟรงเกนสไตน์ที่มีต่อหนังเรื่อง 2/DUO ที่เขียนไว้ในเว็บบอร์ด SCREENOUT
http://xq28.net/s/viewtopic.php?p=83932&highlight=2+duo#83932


DUO (A+)

เรื่องนี้ต้องขอบใจน้อง MdS ที่แนะนำมา หนังเรื่องนี้เป็นการทดลองนำแนวทางของหนังสารคดีมาใช้ โดยระหว่างที่ตัวละครดำเนินเรื่องราวอยู่ ก็จะมีการตัดสลับฉากสัมภาษณ์ตัวละครคั่นเข้ามาเพื่อเสริมเรื่องราว ขณะเดียวกันหนังก็มีโครงสร้างของเรื่องที่อิงอาศัยแนวทางของละครเวทีอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการด้นสดของนักแสดง อย่างที่ MdS ได้เคยให้ข้อมูลไว้แล้วว่าเดิมผู้กำกับมีบทหนังที่สมบูรณ์อยู่แล้ว แต่พอถึงคราวลงมือถ่ายทำจริง เขากลับให้นักแสดงสองคนลืมบททั้งหมดและหันมาใช้วิธีด้นสดตามโครงเรื่องและความเข้าใจของนักแสดงเอง

ความน่าสนใจอยู่ที่การแสดงของฮิเดะโตชิ ครับ (ผมพูดโดยตัดอคติว่าด้วยความหล่อ เท่ ของหวานใจคนใหม่ของผมไปโดยสิ้นเชิงแล้วนะครับ ๕๕๕๕๕๕๕) ในหนังที่ต้องอาศัยพลังทางการแสดงเป็นสิ่งประคองเรื่องไว้อย่างนี้ ฮิเดะโตชิได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดในฐานะนักแสดงไว้ นั่นคือ “ความจริงใจในตัวละคร” เพราะขณะที่นักแสดงหญิงซึ่งรับบทแฟนสาวของเขา “สงสารตัวละครของเธอ” อยู่เกือบทั้งเรื่อง ฮิเดะโตชิ กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม นั่นคือ การปล่อยให้ตัวละครของเขามีชีวิต ความคิด และจิตใจ ในแบบที่ตัวละครของเขาควรจะเป็น ผลก็คือ เขาได้สร้างชายหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีด้านมืด/สว่าง ดี/ร้าย น่ารัก/น่ารังเกียจ ได้สำเร็จ ที่สำคัญคือ คนดูไม่อาจพิพากษาตัดสินตัวละครของเขาได้เลย เพราะเขาให้การแสดงที่คนดูรักไม่ได้ เกลียดไม่ลง จนเราแทบจะคิดเป็น “แฟน” ของเขาตลอดเวลา (ฮิเดะโตชิ เป็นหนุ่มญี่ปุ่นที่พูดคำว่า “ขอโทษ” ได้น่ารักที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยเห็นมาทีเดียว) ผมชอบที่เขาไม่พยายามยกเหตุผลนั่นนี่มาอธิบายตัวละครของเขา แต่กลับใช้ “การทำให้เห็น” ว่าแท้จริงแล้วตัวละครของเขาคิดอย่างไร ตรงนี้ต้องให้เครดิตผู้กำกับด้วยที่ควบคุมทิศทางในการแสดงของเขาออกมาได้อย่างน่าพอใจ แต่ขณะเดียวกันก็คงต้องกล่าวว่าผู้กำกับไม่ได้ประสบความสำเร็จในการสร้างตัวละครหญิง ร่วมกับนักแสดงของเขาเท่าที่เขาทำได้กับฮิเดะโตชิ ผมไม่อยากโทษว่าเพราะความเป็นผู้ชายของผู้กำกับทำให้แคแร็คเตอร์ของนักแสดงหญิงออกมาอ่อนปวกเปียกเช่นนี้ เพราะมีผู้กำกับชายแท้อีกจำนวนไม่น้อยที่สามารถสร้างตัวละครฝ่ายหญิงที่น่าจดจำได้ คงกล่าวได้เพียงว่า ถ้าเพียงแต่ตัวละครหญิงในเรื่องมี “ธาตุแกร่ง” ในแบบที่ผู้หญิงทุกคนมีซ่อนอยู่ลึกสุดในหัวใจมากกว่านี้อีกนิดเดียว เหตุการณ์ท้ายเรื่องจะมีน้ำหนักมากกว่านี้อีกเยอะเชียวครับ



ส่วนคุณอ้วนเคยเขียนถึง H STORY ของ NOBUHIRO SUWA ไว้ในเว็บบอร์ด SCREENOUT ดังนี้
http://xq28.net/s/viewtopic.php?p=89088&highlight=suwa#89088


HIROSHIMA MON AMOUR

เห็นพี่ MdS เขียนถึงและยกเอาบทความเกี่ยวกับ HIROSHIMA MON AMOUR มาแปะเอาไว้พอสมควรแล้ว ก็เลยจะขอพูดสั้นๆแล้วกันว่าอ้วนชอบหนังเรื่องนี้มากๆฮะ เป็นหนังที่ถ่ายทอดความเศร้าอาดูรและถวิลหาความทรงจำอันปวดร้าวได้ทรงพลังมากๆ ความไม่ธรรมดาของหนังเกี่ยวกับความทรงจำเรื่องนี้ก็คือ ในขณะที่หนังเกี่ยวกับความทรงจำเรื่องอื่นๆมักจะใช้ฉากโรแมนติกประเภทที่จงใจจะบีบน้ำตาคนดูเป็นฉากหลัง HIROSHIMA MON AMOUR กลับใช้ฉากหลังเป็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ นั่นคือการที่เมืองฮิโรชิม่าโดนระเบิดปรมาณูถล่มในการเล่าเรื่อง
ผลลัพธ์ที่ได้คือความขัดแย้งกันระหว่างภาพความเศร้าสลดของสังคมโลกกับความเศร้าสลดของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีต่อคนรัก คิดในด้านหนึ่งก็รู้สึกตลกดีที่ผู้สร้างเอาความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ของมนุษย์โลกมาเปรียบเปรยกับความสูญเสียคนรักของผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่เมื่อคิดในอีกด้านหนึ่ง ก็เจ้าความรักที่ต้องสูญเสียไปนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้เราต้องบ้าคลั่งและฟูมฟายให้กับมันราวกับจะถึงวันสิ้นโลก เหตุนี้แล้วก็ยุติธรรมดีไม่ใช่หรือที่เราจะเอาความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของโลกมาเปรียบเปรยกับความสูญเสียจากความรัก

ในปี 2001 มีผู้กำกับญี่ปุ่นคลื่นลูกใหม่ชื่อว่า Nobuhiro Suwa ได้สร้างหนังเรื่อง H STORY ซึ่งเป็นหนังที่จงใจสร้างออกมาให้ดูเป็นหนังกึ่งๆสารคดี คือเหมือนเป็นหนังที่ถ่ายทอดเบื้องหลังการสร้างหนังเรื่องหนึ่ง และหนังเรื่องดังกล่าวก็คือ HIROSHIMA MON AMOUR พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ H SOTRY คือหนังที่เล่าเรื่องการเอาหนังเรื่อง HIROSHIMA MON AMOUR ของ Alain Resnais มารีเมคสร้างใหม่นั่นเอง Nobuhiro Suwa ผู้กำกับเรื่อง H STORY ก็ยังได้เล่นเป็นตัวเอง โดย Suwa สวมบทบาทเป็นผู้กำกับที่นำ HIROSHIMA MON AMOUR ของ Alain Resnais มาสร้างใหม่

นักวิจารณ์กล่าวว่า H STORY มีความคล้ายคลึงกับหนังเรื่อง IRMA VEP ของ Olivier Assayas ที่ถ่ายทอดเรื่องราวการนำหนังเรื่อง LES VAMPIRES ของ Louis Feuillade มารีเมคสร้างใหม่ โดย H STORY ได้ยกเอาบทภาพยนตร์ที่ Marguerite Duras เขียนเอาไว้สำหรับ HIROSHIMA MON AMOUR มาใช้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกจากนี้ยังมีการสัมภาษณ์นักแสดงคนหนึ่งในหนัง (H STORY) เพื่อสะท้อนความคิดของผู้คนและความทรงจำของพวกเขาเกี่ยวกับหนังเรื่อง HIROSHIMA MON AMOUR โดยตัวผู้กำกับหรือ Nobuhiro Suwa ได้พูดขึ้นมาระหว่างการสัมภาษณ์ด้วยว่า เขาเติบโตมาในเมืองฮิโรชิม่าแต่ก็ไม่มีความประทับใจใดๆเกี่ยวกับเรื่องราวของเมืองนี้เลย กระทั่งได้ชมหนังเรื่อง HIROSHIMA MON AMOUR ของ Alain Resnais แล้วเขาก็ไม่สามารถลบภาพความทรงจำเกี่ยวกับฮิโรชิม่านี้ออกไปได้เลย

H STORY มีวิธีการเล่าเรื่อง , มีการใช้เทคนิคการตัดต่อเสียงและภาพ, และมีเนื้อหาที่อาจจะยากแก่การเข้าถึงสำหรับนักดูหนังทั่วๆไปอยู่บ้าง หนังเรื่องนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ได้เคยชมและหลงใหล HIROSHIMA MON AMOUR ของ ALAIN RESNAIS เท่านั้น เนื่องจากหนังมีการอ้างอิงเนื้อหาจาก HIROSHIMA MON AMOUR ค่อนข้างมากจนอาจทำให้ผู้ที่ไม่เคยชม HIROSHIMA MON AMOUR มาก่อนขาดอรรถรสในการชมไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ดี

(1) H STORY ก็มีวิธีการเล่าเรื่องที่เป็นตัวของตัวเองอย่างน่าชื่นชม (และน่าฉงนในคราวเดียวกัน) และ

(2) การกำเนิดขึ้นของ H STORY เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างดีที่แสดงให้เห็นว่า HIROSHIMA MON AMOUR ของ Alain Resnais เป็นหนังเกี่ยวกับความทรงจำที่ได้สร้างอิทธิพลต่อความทรงจำของผู้ชมอย่างมากมาย และ H STORY ก็คือภาพสะท้อนของความทรงจำของผู้คนมีต่อภาพยนตร์

No comments: