Tuesday, October 11, 2005

LESBIAN AVENGERS EAT FIRE

ชอบหนังสือที่แถมมากับ BIOSCOPE เล่มใหม่มากๆเลยค่ะ

เมื่อกี้เพิ่งไปซื้อ BIOSCOPE มาจากสยามสแควร์ค่ะ ประทับใจกับหนังสือที่แถมมากับเล่มนี้มาก ที่เกี่ยวกับภาพยนตร์สมานฉันท์ เป็นหนังสือที่ถูกใจมากๆเลยค่ะ ยอดเยี่ยมมากค่ะ

ขอแอบนอกเรื่องนิดนึงค่ะ เนื่องจากหนังสือเล่มนี้พูดถึงภาพยนตร์เกี่ยวกับปาเลสไตน์หลายเรื่องด้วยกัน ก็เลยอยากประชาสัมพันธ์ว่า ตอนนี้ภาพยนตร์เกี่ยวกับชาวปาเลสไตน์เรื่อง CHRONICLE OF A DISAPPEARANCE ที่กำกับโดย ELIA SULEIMAN (DIVINE INTERVENTION) ได้รับการผลิตขายเป็นดีวีดีแล้วค่ะ (แต่ไม่รู้เหมือนกันว่ามีขายในไทยแล้วยัง)

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดี CHRONICLE OF A DISAPPEARANCE ได้ที่
http://www.amazon.com/gp/product/B000A59QIM/102-8502447-9027318?v=glance&n=130

อ่านบทสัมภาษณ์ ELIA SULEIMAN เกี่ยวกับ CHRONICLE OF A DISAPPEARANCE ได้ที่
http://www.indiewire.com/people/int_suleiman_elia_970328.html

อ่านบทวิจารณ์ CHRONICLE OF A DISAPPEARANCE โดย GARY INDIANA จากนิตยสาร ARTFORUM ได้ที่
http://www.findarticles.com/p/articles/mi_m0268/is_n10_v35/ai_19677864


ส่วนภาพยนตร์อิสราเอลที่อยากดูมากในตอนนี้ก็คือเรื่อง CLOSE TO HOME (2005, VIDI BILU + DALIA HAGER) ค่ะ หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับทหารหญิงสองคนชื่อ SMADAR กับ MIRIT ทั้งสองมีหน้าที่เดินลาดตระเวนตามท้องถนนในเยรูซาเลม และคอยจดชื่อ+เช็ค ID ของชาวปาเลสไตน์ทุกคนที่พบเห็น เพื่อที่ว่าเมื่อเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้น ทางการจะได้ทราบว่ามีชาวปาเลสไตน์คนใดบ้างที่อยู่ใกล้ละแวกที่เกิดเหตุ

MIRIT ตั้งใจทำงานนี้มาก แต่ SMADAR รู้สึกลำบากใจที่จะทำงานนี้ เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อต้องทำตามหน้าที่ และชาวปาเลสไตน์เองก็รู้สึกอับอายเมื่อถูกทหารหญิงถามชื่อกลางถนน

นักวิจารณ์ใน FILM COMMENT บอกว่า ฉากที่ทรงพลังที่สุดใน CLOSE TO HOME คือฉากที่ SMADAR ถูกตำหนิติเตียนที่จดชื่อชาวปาเลสไตน์ได้ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ และ SMADAR ก็เลยถามผู้บังคับบัญชาของเธอกลับไปว่า “How do I know how is an Arab?”
http://www.transfax.co.il/category.asp?id_category=10

ส่วนภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามที่อยากดูที่สุดในตอนนี้ก็คือ IN THE YEAR OF THE PIG (1968, EMILE DE ANTONIO) ที่พูดถึงสงครามเวียดนามค่ะ ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ได้รับการผลิตขายเป็นดีวีดีแล้ว

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับดีวีดี IN THE YEAR OF THE PIG ได้ที่
http://www.amazon.com/gp/product/B000A88ES2/102-8502447-9027318?v=glance&n=130&s=dvd&v=glance

อ่านบทสัมภาษณ์ EMILE DE ANTONIO ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/04/31/emile_de_antonio.html




เทศกาล WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 15-24 ต.ค.นี้ มีหนังเลสเบียนน่าสนใจมาฉายหลายเรื่องเลยค่ะ ถ้าใครสนใจก็ช่วยกันกระจายข่าวบอกเพื่อนๆทุกคนให้ช่วยกันไปชมภาพยนตร์เลสเบียนในงานนี้ด้วยนะคะ

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับเทศกาลภาพยนตร์นี้ได้ที่

http://www.worldfilmbkk.com

(แต่ตอนนี้ดิฉันยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเทศกาลนี้เขาขายตั๋วกันยังไง คิดว่าพอใกล้ถึงวันงานเขาคงแจ้งเรื่องวิธีการขายตั๋วอีกที)


ภาพยนตร์เลสเบียนที่น่าสนใจในงานนี้ก็รวมถึงเรื่อง THE JOURNEY จากอินเดีย และภาพยนตร์ที่กำกับโดย ULRIKE OTTINGER เจ้าแม่ภาพยนตร์เลสเบียนจากเยอรมนีค่ะ โดยข่าวบอกว่า ULRIKE OTTINGER จะบินมาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ที่กรุงเทพด้วย ถ้าใครอยากเจอตัวจริงของเธอก็ไปพบเธอได้ที่โรงฉายภาพยนตร์ค่ะ โดยเฉพาะในรอบฉายภาพยนตร์เรื่อง MADAME X – AN ABSOLUTE RULER


ถ้าเข้าใจไม่ผิด ภาพยนตร์เรื่อง THE JOURNEY จะพูดถึงประเด็นเรื่องเลสเบียนโดยตรงค่ะ ส่วนภาพยนตร์ของ ULRIKE OTTINGER อาจจะพูดถึงประเด็นเรื่องเลสเบียนรวมกับประเด็นอื่นๆอีกหลายๆเรื่อง บางเรื่องประเด็นเลสเบียนอาจเป็นเพียงประเด็นรอง และในบางเรื่องก็อาจจะไม่มีประเด็นเลสเบียนเลย อย่างไรก็ดี ภาพยนตร์ของ ULRIKE OTTINGER ก็ยังคงมีความน่าสนใจมากๆอยู่ดีค่ะ โดยเฉพาะในแง่การทำลายภาษาเดิมๆทางภาพยนตร์ และการนำเสนอภาพลักษณ์ของผู้หญิงในภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่อง THE JOURNEY (2005) กำกับโดย LIGY J. PULLAPPALLY และจะฉายในงานนี้สองรอบ ซึ่งได้แก่

1.วันเสาร์ที่ 15 ต.ค. เวลา 13.00 น.ที่โรง GRAND EGV 3

2.วันจันทร์ที่ 17 ต.ค. เวลา 13.00 น.ที่โรง GRAND EGV 3

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ที่
http://www.worldfilmbkk.com/films/index.php?cid=01&id=161


ส่วนภาพยนตร์ของ ULRIKE OTTINGER ที่จะฉายในงานนี้มีอยู่ 6 เรื่องด้วยกัน ซึ่งได้แก่


1.MADAME X – AN ABSOLUTE RULER (1977)

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มโจรสลัดหญิง

http://www.worldfilmbkk.com/films/index.php?cid=08&id=118

ฉายวันเสาร์ที่ 15 ต.ค. เวลา 19.20 น. ที่โรง MAJOR CENTRAL WORLD PLAZA


http://www.ulrikeottinger.com/img/fmx/07-47.jpg



2.DORIAN GRAY IN THE MIRROR OF THE YELLOW PRESS (1981)

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเจ้าแม่วงการสื่อที่ต้องการทำลายชายหนุ่มคนหนึ่ง

http://www.worldfilmbkk.com/films/index.php?cid=08&id=115

ฉายวันอาทิตย์ที่ 16 ต.ค. เวลา 17.20 น. ที่โรง MAJOR CENTRAL WORLD PLAZA


http://www.ulrikeottinger.com/img/fdg/00-47.jpg



3.TWELVE CHAIRS (2004) (อ่านจากเรื่องย่อแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเลสเบียน)
http://www.worldfilmbkk.com/films/index.php?cid=08&id=120

ฉายวันอังคารที่ 18 ต.ค. เวลา 19.30 น. ที่โรง MAJOR CENTRAL WORLD PLAZA หนังมีความยาว 198 นาที

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับคนที่ตามหา “เก้าอี้ 12 ตัว” ที่กระจัดกระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆกัน เพราะมีทรัพย์สมบัติซ่อนอยู่ในเก้าอี้ตัวหนึ่งใน 12 ตัวนี้
ขณะที่หญิงวัยชราผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งของรัสเซียกำลังจะตาย เธอได้เปิดเผยความลับของเธอให้ลูกเขยคนหนึ่งฟัง และความลับนั้นก็คือว่าเธอได้ซ่อนเครื่องเพชรทั้งหมดของเธอไว้ในเก้าอี้ 1 ใน 12 ตัวของเธอ แต่หลังการปฏิวัติในรัสเซีย ทางการก็ยึดเก้าอี้ทั้ง 12 ตัวไปจากเธอ
Ippolit Matwejewitch Worobjaninow ซึ่งเป็นลูกเขยของเธอ เคยเป็นขุนนางมาก่อน แต่ปัจจุบันนี้เขาเป็นเพียงข้าราชการระดับล่างที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนสมรส เขาเบื่อหน่ายงานที่ทำอยู่ในตอนนี้มาก ดังนั้นเขาจึงรีบออกตามหาทรัพย์สมบัตินี้ในทันทีอย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เก้าอี้ทั้ง 12 ตัวนี้ได้กระจัดกระจายไปอยู่ตามจุดต่างๆกันทั่วประเทศ และลูกเขยก็ไม่ใช่คนเพียงคนเดียวที่ออกตามล่าเก้าอี้ 12 ตัวนี้ เพราะมีนักต้มตุ๋นชื่อ Ostap Bender ที่ออกตามล่าเก้าอี้ 12 ตัวเหมือนกัน นอกจากนี้ Fther Fjodor ก็ออกตามล่าเก้าอี้กลุ่มนี้เหมือนกันด้วย เพราะหญิงชราเคยสารภาพความลับให้บาทหลวงองค์นี้ฟังเหมือนกันการตามล่าเก้าอี้อย่างบ้าคลั่งได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาเดินทางจากเหนือจรดใต้ จากตะวันตกสู่ตะวันออก พวกเขาเดินทางข้ามน้ำและข้ามแผ่นดิน และเดินทางจากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่ TWELVE CHAIRS ดัดแปลงมาจากนิยายที่เคยสร้างเป็นหนังแล้วหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงเวอร์ชันปี 1962 ที่มีความยาว 5 ชม.และกำกับโดย TOMAS GUTIERREZ ALEA ผู้กำกับชื่อดังชาวคิวบา และเวอร์ชันปี 1970 ที่กำกับโดย MEL BROOKS และนำแสดงโดย FRANK LANGELLA



4.TICKET OF NO RETURN (1977)

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงคนหนึ่งที่ต้องการดื่มเหล้าให้สะใจ

http://www.worldfilmbkk.com/films/index.php?cid=08&id=119

ฉายวันพฤหัสบดีที่ 20 ต.ค. เวลา 17.40 น. ที่โรง MAJOR CENTRAL WORLD PLAZA
ฉายวันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค. เวลา 15.30 น. ที่โรง GRAND EGV


http://www.ulrikeottinger.com/img/fbt/port-01-42.jpg



5.JOAN OF ARC OF MONGOLIA (1989)

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่นั่งรถไฟข้ามไซบีเรีย แต่ถูกกลุ่มหญิงมองโกเลียลักพาตัวไป

http://www.worldfilmbkk.com/films/index.php?cid=08&id=117

ฉายวันพฤหัสบดีที่ 20 ต.ค. เวลา 19.40 น. ที่ EGV METROPOLIS 8

http://www.ulrikeottinger.com/img/fjoh/xu-30.jpg



6.FREAK ORLANDO (1981)

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด 5 ครั้งของออร์แลนโด

http://www.worldfilmbkk.com/films/index.php?cid=08&id=116

ฉายวันศุกร์ที่ 21 ต.ค. เวลา 13.00 น.ที่ EGV METROPOLIS 8

http://www.ulrikeottinger.com/img/ffo/11-47.jpg


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ULRIKE OTTINGER ได้ที่

1.นิตยสาร MOVIE TIME หน้าปกโจดี้ ฟอสเตอร์ บทความเขียนโดยคุณอุทิศ เหมะมูล

2.นิตยสาร FLICKS หน้าปก INTO THE BLUE

3.เว็บไซท์ http://www.ulrikeottinger.com

ดิฉันเคยนำรูปจากหนังเรื่องต่างๆของ OTTINGER มาโพสท์ไว้ในกระทู้ข้างล่างนี้ค่ะ ลองดูรูปจากหนังของเธอแล้วจะพบว่าหนังของเธอเฮี้ยนมากๆhttp://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=4978



นอกจาก ULRIKE OTTINGER แล้ว ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เป็นเลสเบียนก็มีอีกหลายคนด้วยกัน แต่บางคนอาจจะไม่ได้ทำหนังเกี่ยวกับเลสเบียนมากนัก

ผู้กำกับภาพยนตร์เลสเบียนที่น่าสนใจรวมถึง

1.CHANTAL AKERMAN
http://www.glbtq.com/arts/akerman_c.html

หนังของ CHANTAL AKERMAN ไม่ต่ำกว่า 5 เรื่องเคยมาฉายที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

นิตยสาร FILM COMMENT เล่มใหม่ลงบทความเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง TO WALK NEXT TO ONE’S SHOELACES IN AN EMPTY FRIDGE ของ CHANTAL AKERMAN ด้วยค่ะ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาในรูปของ INSTALLATION ART


2.SU FRIEDRICH
http://www.sensesofcinema.com/contents/directors/02/friedrich.html

ภาพยนตร์เรื่อง SINK OR SWIM (1990, A) ของเธอเคยมาฉายที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผลงานการกำกับของ SU FRIEDRICH รวมถึงเรื่อง LESBIAN AVENGERS EAT FIRE (1994)



3.SADIE BENNING

ผู้กำกับหญิงคนนี้ใช้กล้องพิกเซลซึ่งเป็นกล้องของเล่นสำหรับเด็กในการถ่ายทำภาพยนตร์ของตัวเอง

ผลงานของ SADIE BENNING รวมถึง

3.1 ME AND RUBYFRUIT (1989) ซึ่งบันทึกการสนทนาของเธอกับตัวเองในช่วงที่เธอประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเลสเบียน

3.2 WELCOME TO NORMAL (1990) หนังเรื่องนี้มีธีมเกี่ยวกับเลสเบียน

3.3 IF EVERY GIRL HAD A DIARY (1990) หนังเรื่องนี้มีธีมเกี่ยวกับเลสเบียน

3.4 JOLLIES (1990) ซาดี เบนนิงพูดถึงแรงปรารถนาทางเพศที่เธอมีต่อเด็กหญิงคนอื่นๆขณะที่เธอเป็นเด็กอนุบาลในหนังเรื่องนี้

“IT STARTED IN 1978 WHEN I WAS IN KINDERGARTEN

THEY WERE TWINS

AND I WAS A TOMBOY

I ALWAYS THOUGHT OF REAL CLEVER THINGS TO SAY

LIKE I LOVE YOU.”



4.BARBARA HAMMER
http://www.barbarahammerfilms.com/

รู้สึกว่านิตยสาร BIOSCOPE เคยลงบทความเกี่ยวกับผู้กำกับหญิงเลสเบียนคนนี้ไปแล้วในเล่มที่มีบทสัมภาษณ์ผู้หญิงที่เป็น PROGRAMMER ของเทศกาลภาพยนตร์สารคดี YAMAGATA

ผลงานภาพยนตร์ของ BARBARA HAMMER

4.1 A GAY DAY (1973)

4.2 DYKETACTICS (1974)

4.3 WOMEN’S RITES OR TRUTH IS THE DAUGHTER OF TIME (1974)

4.4 SUPERDYKE (1975)

4.5 MULTIPLE ORGASM (1976)

4.6 SAPPHO (1978)

4.7 WOMEN I LOVE (1979)

4.8 NITRATE KISSES (1992)



5.MICHELLE MOHABEER
http://www.wmm.com/Catalog/_makers/fm254.htm

MOHABEER เป็นชาว GUYANA ที่อพยพมาอยู่แคนาดา ทั้งนี้ นอกจากหนังของเธอจะพูดถึงประเด็นเรื่องเลสเบียนแล้ว หนังของเธอยังพูดถึงประเด็นเรื่องความเป็นชาวแคริบเบียนด้วย

MOHABEER บอกว่าผู้กำกับที่มีอิทธิพลต่อเธออย่างมากคือ MARGUERITE DURAS

ผลงานของ MOHABEER รวมถึง

5.1 EXPOSURE (1990)

5.2 COCONUT/CANE & CUTLASS (1994)

5.3 TWO/DOH (1996)

5.4 CHILD-PLAY (1997)



6.CHERYL DUNYE
http://www.cheryldunye.com/

เธอถนัดในการกำกับภาพยนตร์เลสเบียนผิวดำ ผลงานเด่นของเธอรวมถึง THE WATERMELON WOMAN และ STRANGER INSIDE



7.MONIKA TREUT

ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้กำกับภาพยนตร์คนนี้เป็นเลสเบียนหรือเปล่า แต่เธอชอบทำหนังเกี่ยวกับเลสเบียนและตัวละครที่แปลงเพศกันจนวุ่นวายไปหมด

อ่านเรื่องของ MONIKA TREUT ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=1644

http://www.hyenafilms.com/

No comments: