Tuesday, March 14, 2006

THANK GOD HE MET LIZZIE (B+)

ตอบคุณ INITIAL A

ชอบ MONSTER อาจจะด้วยเหตุผลหลายๆอย่างค่ะ อย่างนึงก็คือรู้สึกว่า “อารมณ์” ในหนังหรือวิธีการรักษาระดับอารมณ์ในหนังมันตรงใจ ถูกใจดิฉันมากๆ ตลอดทั้งหนังเรื่องนี้ ดิฉันรู้สึกว่าผู้กำกับรักษาระดับอารมณ์ในทุกๆฉากได้ดีมาก ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป (ตามความรู้สึกส่วนตัวของดิฉัน) ไม่เหมือนกับ MUNICH (A+/A) ที่ดิฉันรู้สึกว่าอารมณ์ในบางฉาก อย่างเช่นฉาก ERIC BANA มีเซ็กส์กับแฟนในช่วงท้ายเรื่อง ที่อารมณ์มัน “ล้นเกิน” เกินไปในฉากนั้น (อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคน ว่าชอบระดับอารมณ์แบบไหนในการดูหนังแต่ละเรื่อง)

รู้สึกชอบวิธีการถ่ายทอด “มนุษย์” ในหนังด้วย ถึงหนังเรื่องนี้จะชื่อ MONSTER (ซึ่งอาจจะหมายถึงเซลบี้หรือไอลีนก็แล้วแต่) แต่ดูแล้วรู้สึกว่าตัวละครที่เป็น MONSTER มากที่สุดอาจจะเป็นคนที่ทำร้ายร่างกายไอลีนคนแรก ส่วนตัวละครคนอื่นๆอาจจะมีความเป็น MONSTER ในตัวอยู่บ้าง หรืออาจจะมีด้านลบในตัวอยู่บ้าง แต่หนังก็ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ของตัวละครหลายๆคน รวมทั้งคนอย่างไอลีนออกมาได้ดีมากๆ แน่นอนว่าไอลีนเป็นคนที่มีตัวตนจริง แต่ดิฉันคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถ่ายทอดคนอย่างไอลีนออกมาได้อย่างซาบซึ้งกินใจขนาดนี้ สำหรับดิฉันแล้ว คนอย่างไอลีนใน MONSTER กลับสร้างความซาบซึ้งกินใจต่อดิฉันได้รุนแรงกว่าพระเอก RAY (A-) หรือพระเอก WALK THE LINE (A) เสียอีก ดูแล้วรู้สึกสงสารและเห็นใจไอลีน
อย่างมากๆ ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกเข้าข้างเธอ, ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำหรือความคิดของเธอ และไม่ได้เอาใจช่วยเธอให้ฆ่าคนสำเร็จเลย ไม่รู้ว่าผู้กำกับใช้เคล็ดลับหรือใช้หลักการอะไร ถึงสามารถทำให้เรารู้สึกสงสารเห็นใจตัวละครอย่างรุนแรง ทั้งๆที่เกลียดชังการกระทำของตัวละครไปด้วยในขณะเดียวกันได้อย่างนี้ นอกจากนี้ การถ่ายทอดลูกค้าสองคนของไอลีน ที่รู้สึกว่าคนนึงจะเป็นคนปัญญาอ่อน และอีกคนเป็นคนที่มีภรรยาพิการ ก็ทำออกมาได้อย่างน่าสงสารเห็นใจมากๆ หนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เรามองเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวไอลีนเท่านั้น แต่ยังทำเราให้เราเห็นใจแม้แต่ผู้ชายที่มาใช้บริการของโสเภณีด้วย และไม่ได้มองภาพของผู้ชายประเภทนี้เหมือนๆกันไปหมด และดิฉันก็มักจะชอบหนังแนวนี้อยู่แล้ว ดิฉันมักจะเชื่อว่าการทำหนังให้คนดูเกิดจิตเมตตาต่อ “เด็กน้อยผู้บริสุทธิ์” ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำหนังให้คนดูเกิดความรู้สึกเมตตาและเห็นใจเพื่อนมนุษย์ที่เป็นคนบาปหนาอย่างนี้สิ ที่คงจะเป็นเรื่องยาก (อันนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวค่ะ)

ชอบความเคร่งขรึมจริงจังหนักแน่นของหนังด้วย รู้สึกว่า MONSTER เล่าเรื่องด้วยวิธีการที่ธรรมดาที่สุด เรียบง่ายที่สุด ไม่มีโครงสร้างการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน, ไม่มีการโชว์เทคนิคการถ่ายภาพที่สวยงามจนต้องร้องอู้ฮู ไม่มีอะไรที่ “ตื่นตา” เลย แต่ในฉากหน้าที่เรียบง่ายธรรมดา เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมานี้ กลับมีความหนักแน่นทางอารมณ์บางอย่างที่ดิฉันรู้สึกจูนติดกับมันอย่างมากๆ ขณะที่ดูหนังเรื่องนี้ ดิฉันไม่รู้สึกเลยว่ามีฉากไหน เสี้ยวไหนของหนังที่ดิฉันรู้สึกต่อต้าน หรือรู้สึกว่ามันไม่เข้าทางของดิฉัน รู้สึกว่าอารมณ์ในหนังมันออกมาตรงตามที่ดิฉันต้องการหมด ซึ่งดิฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยพบหนังแนวนี้สักเท่าไหร่ เพราะหนังบางเรื่องที่ดิฉันชอบสุดๆ จะเป็นหนังที่สุดขั้ว, มีอะไรที่พิสดาร ฉีกแนว เฮี้ยนพิศวง เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อ แต่หนังอย่าง MONSTER, A HOME AT THE END OF THE WORLD, THE ASSASSINATION OF RICHARD NIXON, “EVERYTHING’S FINE, WE’RE LEAVING” และรวมไปถึงหนังหลายเรื่องของ MAURICE PIALAT ก็เป็นหนังที่ดิฉันชอบสุดๆเหมือนกัน ทั้งๆที่หนังเหล่านี้เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมาด้วยวิธีการที่ธรรมดามากๆ แต่มันมีความจริงจังหนักแน่นทางอารมณ์ในทุกๆฉากที่จูนตรงกับอารมณ์ของดิฉันอย่างเต็มที่ และหนังกลุ่มนี้นี่แหละที่ทำให้ดิฉันมักฉงนสงสัยอยู่เสมอว่าผู้กำกับทำทุกอย่างให้ออกมาลงตัวตรงใจของดิฉันได้ยังไง โดยไม่ต้องอาศัยความพิสดารมาล่อใจดิฉันเลย

ชอบฉากที่ไอลีนพยายามกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ทำงานดีๆ แต่ทำไม่สำเร็จเหมือนกัน ฉากนั้นมันน่าเศร้ามากๆ และใน THE ASSASSINATION OF RICHARD NIXON ก็มีเนื้อหาที่พอเทียบเคียงกันได้กับส่วนนี้เหมือนกัน เพราะพระเอกของหนังเรื่องนั้นตั้งใจจะประกอบอาชีพบางอย่าง เขามีความฝันที่จะทำอาชีพการงานที่ดี แต่ความฝันของเขาก็พังทลายเหมือนๆกับไอลีน

(หนังอีกเรื่องนึงที่ชอบตรงจุดนี้ ก็คือ A LOT LIKE LOVE (A+) ที่พระเอกมีความใฝ่ฝันด้านอาชีพการงาน แต่สุดท้ายความฝันก็พังทลายไม่เหลือชิ้นดีเช่นกัน นอกจากนี้ เรื่องราวการสมัครงาน ยังทำให้นึกถึงหนังสารคดีเรื่อง LOVE AND DIANE (A+++++) ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของสองแม่ลูกผิวดำ ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่ภาวนาให้แม่ลูกที่น่าสงสารคู่นี้ได้งานดีๆทำ มีอาชีพที่มั่นคง ถึงแม้จะรู้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้ยากก็ตาม)

รู้สึกในฉากไอลีนไปสมัครงาน คนรับสมัครงานจะด่าเธออย่างเจ็บแสบว่า “Can I tell you something? When the beach party is over, you don't get to say. "You know what? Now I think I'd like to have what everybody else has worked their entire life for." It doesn't work that way.” ซึ่งสิ่งที่คนรับสมัครงานพูดอาจจะเป็นความจริงในแง่นึง แต่เราก็เข้าใจไอลีนว่าพอได้ยินประโยคนี้ มันจะรู้สึกบาดใจอย่างสุดๆเพียงใด
http://www.imdb.com/title/tt0340855/quotes

สิ่งที่ทำให้ MONSTER คงกระพันชาตรีอยู่ในใจดิฉัน ก็รวมถึงฉากช่วงท้ายเรื่องด้วยค่ะ ฉากที่ไอลีนเห็นแววตาของเซลบีในศาล ฉากนั้นรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครเอาลิ่มมาตอกที่หัวใจของดิฉัน นอกจากนี้ ประโยคช่วงท้ายของหนังเรื่องนี้ ยังเป็นประโยคที่ตรงใจสุดๆ เพราะมันเป็นประโยคที่ปฏิเสธตอนจบหรือแนวคิดในตอนจบของหนังหลายๆเรื่อง

“Love conquers all." "Every cloud has a silver lining." "Faith can move mountains." "Love will always find a way." "Everything happens for a reason." "Where there is life, there is hope." [laughs] Oh, well... They gotta tell you somethin'.

--ยังไม่ได้ดู CRASH ของ CRONENBERG เลยค่ะ

--อยากรู้จังเลยว่าประโยคภาษาไทยในซับนรกเหล่านี้มาจากภาษาอังกฤษว่าอะไร เข้าใจว่าอาจจะใช้ “โปรแกรมคอมพิวเตอร์” แปลจากอังกฤษเป็นไทย เพราะมนุษย์ไม่น่าจะแปลออกมาได้อย่างนี้

เทศกาลหนังออสเตรเลีย

เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับเทศกาลหนังออสเตรเลียในเดือนเม.ย.ออกมาแล้ว อ่านรายละเอียดได้ที่นี่
http://www.onopen.com/2006/02/411

หนังที่มาฉายในงานนี้รวมถึง

1.BETTER THAN S-E-X (2000, JONATHAN TEPLITZKY)
http://www.imdb.com/title/tt0236019/
http://images.amazon.com/images/P/B00009QUH7.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
นำแสดงโดยสุดหล่อ DAVID WENHAM
http://www.mystic-knights.de/pics/misc/17.jpg
http://www.mystic-knights.de/pics/misc/157.jpghttp://www.mystic-knights.de/pics/misc/163.jpg


2.PRAISE (1998, JOHN CURRAN)
*****ห้ามพลาด ห้ามพลาด ห้ามพลาด*****
กำกับภาพโดย DION BEEBE
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=12854

จอห์น เคอร์แรน ผู้กำกับ We Don't Live Here Anymore เป็นชาวสหรัฐที่ย้ายมาอาศัยอยู่ในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 1988 เขาเคยได้รับคำชมอย่างมากจากการกำกับ Praise ที่ดัดแปลงมาจากนิยายแนวกึ่งอัตชีวประวัติของแอนดรูว์ แมคกาแฮน แมคกาแฮนเขียนบทภาพยนตร์ให้กับ Praise ด้วย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับกอร์ดอน (ปีเตอร์ เฟนตัน นักร้องนำวง Crow) ผู้ชายวัย 25 ปีที่ชอบสูบบุหรี่, ดื่มเหล้า และเป็นโรคหอบหืด เขาอาศัยอยู่ในโรงแรมชั้นต่ำ และเคยทำงานในร้านขายเหล้า แต่เขาก็ลาออกจากงานเพราะเขาเป็นคนที่ไม่สามารถทนทำงานได้นานเกิน 4 วัน ต่อมาเขาก็มีสัมพันธ์รักกับซินเธีย (ซาชา ฮอร์เนอร์ จาก Paradise Road) สาวเสิร์ฟในบาร์ที่ชื่นชอบการมีเซ็กส์เป็นอย่างมาก แต่เธอป่วยเป็นโรคผิวหนังที่ทำให้มีอาการคันตามใบหน้าและลำตัว นักวิจารณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าแทบไม่เคยมีคู่รักคู่ใดที่เหมือนกับคู่รักใน Praise มาก่อน โดยกอร์ดอนนั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยมีชีวิตชีวาและไม่ค่อยกระตือรือร้นในเรื่องเพศ เขาชอบสูบบุหรี่, พูดคุย, นั่งนิ่งๆ และใช้ยาพ่นจมูกรักษาอาการหอบหืดของเขามากกว่า แต่ซินเธียนั้นเป็นคนที่ไม่รู้จักอิ่มในเรื่องเพศและเป็นคนที่คิดถึงเรื่องเซ็กส์ตลอดเวลา หลังจากซินเธียกับกอร์ดอนใช้เวลาอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง ซินเธียก็บอกกับกอร์ดอนว่าเธอคิดว่าเธอตกหลุมรักกอร์ดอน และเปิดเผยว่าเธอไม่ต้องการย้ายตามพ่อแม่ของเธอไปอาศัยอยู่ที่เมืองดาร์วินทางตอนเหนือของออสเตรเลีย แต่เธอตัดสินใจย้ายมาอาศัยอยู่กับกอร์ดอนในโรงแรม โดยโรงแรมแห่งนี้เป็นที่พำนักของคนติดเหล้าและคนจนอีกหลายคน ถึงแม้กอร์ดอนกับซินเธียจะแตกต่างจากกันอย่างมาก ทั้งสองก็เข้ากันได้ดีในช่วงที่ทั้งสองเล่นเกมสแครบเบิล อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ของทั้งสองต้องเผชิญกับการท้าทายครั้งใหญ่เมื่อราเชล (มาร์ทา ดุสเซลดอร์ป) ซึ่งเป็นคนรักเก่าของกอร์ดอนปรากฏตัวขึ้น นักวิจารณ์ของซานฟรานซิสโก โครนิเคิลชื่นชอบ Praise เป็นอย่างมาก โดยระบุว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งความเป็นกวี, อารมณ์ในด้านมืด และอารมณ์ขันผสมผสานอยู่ด้วยกัน และเป็นภาพยนตร์ที่ท้าทายความหมายของคำว่าความรัก, โรแมนซ์, ความเอาใจใส่, ความลุ่มหลง และเซ็กส์แบบดิบเถื่อน โดยเซ็กส์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการนำเสนอในรูปแบบที่คล้ายกับพิธีกรรม นักวิจารณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าเคอร์แรนถ่ายทอดบรรยากาศที่เลวร้ายในที่พักของกอร์ดอนได้เป็นอย่างดี และแสดงให้เห็นเป็นนัยๆว่าซินเธียกับกอร์ดอนอาจรักกันจริงๆ ไม่ได้แค่เพียงชอบที่จะมีเซ็กส์, ดื่มเหล้า และใช้ยาเสพติดด้วยกันเท่านั้น โดยหนึ่งในฉากที่อ่อนโยนที่สุดในเรื่องนี้คือฉากที่ซินเธียขอให้กอร์ดอนช่วยเกาหลังให้เธอ และกอร์ดอนก็เกาให้ซินเธียอย่างนุ่มนวล Praise กวาดรางวัลมาได้มากมาย ซึ่งรวมถึงรางวัลขวัญใจนักวิจารณ์นานาชาติ (FIPRESCI) ในเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโต, รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์กีคอนที่สเปน, รางวัลของสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ออสเตรเลีย (FCCA) สาขาผู้กำกับ, ดารานำหญิง และบทภาพยนตร์, รางวัลสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลีย (AFI) สาขาดารานำหญิงและภาพยนตร์ และรางวัลของสมาคมช่างภาพอออสเตรเลียที่มอบให้กับดิออน บีบี ดิออน บีบี ตากล้องของ Praise เป็นชาวออสเตรเลีย และเคยเป็นตากล้องให้กับภาพยนตร์เรื่อง In the Cut (A+), Chicago (A-), Equilibrium (A-), Charlotte Gray, The Goddess of 1967, Forever Lulu, Holy Smoke, Floating Life, Crush (1992) เว็บไซท์ http://wsws.org ตั้งข้อสังเกตว่านอกจาก Praise แล้ว ภาพยนตร์ออสเตรเลียที่พูดถึงคนรุ่นหนุ่มสาวที่มีปัญหาในสังคมยุคปัจจุบันยังรวมถึง Kiss or Kill (A+), Angel Baby, The Boys, Idiot Box และ Head On อ่านบทวิจารณ์หนังเกย์เรื่อง HEAD ON ของคุณวารินได้ที่ http://www.xq28.net/screenout/reviews/html/headon.htm


3.HOTEL SORRENTO (1995, RICHARD FRANKLIN)
http://images.amazon.com/images/P/6304005040.01.LZZZZZZZ.jpg


4.SIAM SUNSET (1999, JOHN POLSON)
http://images.amazon.com/images/P/B0000897BL.01.LZZZZZZZ.jpg

นำแสดงโดย LINUS ROACHE ซึ่งเคยรับบทเป็นเกย์ใน PRIEST (A+++++)
http://universitas.uio.no/Arkiv/1997/31/bilder/priests.JPG
http://blog.so-net.ne.jp/_images/blog/ryon_cinema/458167.jpg
http://www.kinoweb.de/film2000/SiamSunset/pix/SiamSunset8.jpg


5.THANK GOD HE MET LIZZIE (1997, CHERIE NOWLAN, B+)
http://www.imdb.com/title/tt0120316/
http://images.amazon.com/images/P/B00005NG06.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

นำแสดงโดย CATE BLANCHETT, FRANCES O’CONNOR และ RICHARD ROXBURGH เคยดูหนังเรื่องนี้ในเทศกาลบางกอกฟิล์ม แต่จำอะไรในหนังไม่ได้เลย


6.GARAGE DAYS (2002, ALEX PROYAS)
http://www.imdb.com/title/tt0280696/
http://images.amazon.com/images/P/B00023P4H4.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
http://www.cyber-cinema.com/original/garagedaysOrg.jpg


7.THUNDERSTRUCK (2004, DARREN ASHTON)
http://www.imdb.com/title/tt0316763/
http://images.amazon.com/images/P/B000A3DGFS.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

นำแสดงโดย CALLAN MULVEY
http://www.imdb.com/name/nm0612534/
http://www.lexode.com/galerie/galerie/2810/109895591629.jpg
http://www.lexode.com/galerie/galerie/309/109423376726.jpg
http://www.lexode.com/galerie/galerie/3008/109389422123.jpg
http://www.lexode.com/galerie/galerie/3008/109389430038.jpg
http://www.lexode.com/galerie/galerie/1605/108473795138.jpg
http://www.lexode.com/galerie/galerie/1905/10849778764.jpg

และ SAM WORTHINGTON สุดหล่อจาก SOMERSAULT (2004, A+)
http://www.imdb.com/name/nm0941777/


8.GETTING’ SQUARE (2003, JONATHAN TEPLITZKY)
http://www.imdb.com/title/tt0341376/

นำแสดงโดย SAM WORTHINGTON + DAVID WENHAM
http://ffmedia.ign.com/filmforce/image/article/654/654379/sam_worthington3a_1127903328.jpg


9.SWIMMING UPSTREAM (2003, RUSSELL MULCAHY)
http://www.imdb.com/title/tt0326664/
นำแสดงโดยสุดหล่อ JESSE SPENCER
http://www.jessespencer.com/
http://www.spunkys.curvedspaces.com/Superstars/jesse_spencer/images/jesse19.jpg
http://www.spunkys.curvedspaces.com/Superstars/jesse_spencer/images/jesse29.jpg
http://www.jessespencer.com/images/uptowngirls.jpg
http://eur.news1.yimg.com/eur.yimg.com/xp/wenn/20050929/06/2364167917.jpg
http://www.superiorpics.com/pictures/Spencer_AG966617914.jpg

ภาพของเขาใหญ่เกินไป เชิญเลือกคลิกดูได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้แล้วกัน
http://moodswings.sitesled.com/jesse/gallery/gindex.html

ภาพจาก SWIMMING UPSTREAM
http://moodswings.sitesled.com/jesse/gallery/SU.html
http://moodswings.sitesled.com/jesse/gallery/movies/upstream01.jpeg
http://moodswings.sitesled.com/jesse/gallery/movies/upstream04.jpeg
http://moodswings.sitesled.com/jesse/gallery/movies/upstream06.jpeg


10.NED KELLY (2003, GREGOR JORDAN)
นำแสดงโดย ORLANDO BLOOM + HEATH LEDGER

No comments: