Monday, May 01, 2006

BEING BORING (BRUCE WEBER, A+)

ตอบคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND

--ชอบฉาก “กราบตีน” ใน “อาถรรพ์แก้บนผี” (2004, มนตรี คงอิ่ม, B-) มากๆเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าเป็นฉากที่ดิฉันรู้สึกพอใจมากที่สุดในหนังเรื่องนี้ แต่ตอนนี้จำรายละเอียดในหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยได้แล้ว

--ดีใจมากค่ะที่คุณ CHRIS’S GIRLFRIEND ชอบ THE DESCENT เพราะหนังเรื่องนี้สร้างบุคลิกตัวละครหญิงและปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครได้สนุกมากๆ

--ในหนังสารคดีเรื่อง TIGERWOMEN GROW WINGS (2005, MONIKA TREUT, B+) ก็มีการตั้งข้อสังเกตเหมือนกันค่ะว่า ผีในเรื่องเล่าในเอเชียมักจะเป็นผีผู้หญิง เพราะผู้หญิงมักจะถูกจำกัดการแสดงออกเป็นอย่างมาก และจะแสดงออกอย่างเต็มที่ได้ก็ต่อเมื่อเป็นผีแล้ว

และอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ด้วยกระมัง ที่ทำให้ดิฉันชอบหนังผีเกาหลีใต้มากกว่าหนังแนวอื่นๆของเกาหลีใต้ เพราะรู้สึกว่าผู้หญิงในหนังเกาหลีใต้มักจะมีสภาพอารมณ์แบบที่ดิฉันไม่สามารถ IDENTIFY ด้วยได้ ยกเว้นในหนังผีเกาหลีใต้ที่ตัวละครหญิงมักจะมีสภาพ “เครียด”, “ไม่ไว้วางใจใครทั้งสิ้น” และ “ต้องการมีชีวิตรอด มากกว่าจะสนใจหาผัว” และนั่นเป็นสภาพอารมณ์แบบที่ดิฉันสามารถ IDENTIFY ด้วยได้ โดยเฉพาะในหนังอย่าง UNINVITED (2003, LEE SU-YEON, A+), THE RED SHOES (2005, KIM YONG-GYUN, A+), A TALE OF TWO SISTERS (2003, KIM JI-WOON, A+), THE GHOST (2004, KIM TAE-KYEONG, A), RED EYE (2005, KIM DONG-BIN, A) และ BUNSHINSABA (2004, AHN BYEONG-KI, A)

--เวลานึกถึงผีผู้ชายที่น่ากลัว ก็มักจะนึกถึงหนังผีฝรั่งมากกว่าหนังผีเอเชีย ผีผู้ชายที่น่ากลัวก็มีอย่างเช่นเรื่อง BONES (2001, ERNEST R. DICKERSON, B) , THE AMITYVILLE HORROR (2005, ANDREW DOUGLAS, B-) และ THE ENTITY (1981, SIDNEY J. FURIE, B+/B) ที่นำแสดงโดย BARBARA HERSHEY ในบทของผู้หญิงที่ถูกผี (หรืออำนาจเหนือธรรมชาติบางอย่าง) ข่มขืน โดยทั้ง THE AMITYVILLE HORROR และ THE ENTITY สร้างจากเรื่องจริง

http://www.amazon.com/gp/product/B0007WFXLM/qid=1146298802/sr=8-1/ref=pd_bbs_1/002-4853603-6908001?%5Fencoding=UTF8&v=glance&n=130
http://images.amazon.com/images/P/B0007WFXLM.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังผีผู้ชายอีกสองเรื่องที่น่ากลัวก็คือ POLTERGEIST 2: THE OTHER SIDE (1986, BRIAN GIBSON, B) ที่มี JULIAN BECK รับบทเป็นผี กับ POLTERGEIST III (1988, GARY SHERMAN, B) ที่มี NATHAN DAVIS รับบทเป็นผี

เคยได้ยินว่า POLTERGEIST เป็นหนังอาถรรพ์สูงเรื่องนึง เพราะดารา 4 คนที่เล่นหนังชุดนี้เสียชีวิตไปในเวลาอันรวดเร็ว อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่
http://www.eightyeightynine.com/film/poltergeist.html

พูดถึงอาถรรพ์ในการถ่ายหนังแล้ว ก็ทำให้นึกถึงเรื่องพวกนี้ด้วยเหมือนกัน

1.DAVID LABIOSA ที่รับบทเป็นลูกชายหนุ่มหล่อใน THE ENTITY ประสบเหตุแขนหักอย่างลึกลับในการถ่ายทำฉากที่เขาเข้าขัดขวางผีไม่ให้มาข่มขืนแม่ของเขา โดยในเหตุการณ์จริงนั้น ลูกชายของผู้หญิงที่ประสบเหตุการณ์ดังกล่าว ก็แขนหักในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน
http://www.imdb.com/title/tt0082334/trivia

2.GOTHIKA (2003, MATHIEU KASSOVITZ, A+) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับผี ก็ทำให้ HALLE BERRY ประสบเหตุแขนหักในระหว่างการถ่ายทำเช่นกัน และทำให้ทางกองถ่ายต้องพักการถ่ายทำไปนาน 8 สัปดาห์
http://www.imdb.com/title/tt0348836/trivia

3.SILENT TONGUE (1994, SAM SHEPARD, A-) ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับผี และ RIVER PHOENIX ก็เสียชีวิตหลังจากแสดงหนังเรื่องนี้
http://www.imdb.com/title/tt0108135/
http://www.amazon.com/gp/product/B000929UZK/ref=ase_imdb-adbox/002-4853603-6908001?s=dvd&v=glance&n=130&tagActionCode=imdb-adbox
http://images.amazon.com/images/P/B000929UZK.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

ไม่รู้ว่าการเขียนถึงเรื่องพวกนี้จะทำให้อาถรรพ์เข้าตัวหรือเปล่า เพราะเมื่อกี้ดิฉันเดินไปเข้าห้องน้ำและอยู่ดีๆหัวก็ไปกระแทกกับขื่อประตูตรงทางเดินอย่างแรงมาก ไม่รู้ว่าจะมีอาการเลือดตกในสมองตามมาหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ดิฉันขอหยุดเขียนเรื่องพวกนี้ก่อนดีกว่า

--เห็นคุณ CHRIS’S GIRLFRIEND ได้ดู GLORY DAZE (1996, RICH WILKES) แล้ว ส่วนดิฉันยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ แต่รู้สึกว่าน่าสนใจดี เพราะมี BEN AFFLECK, SAM ROCKWELL, ALYSSA MILANO, MATTHEW MCCONAUGHEY (เห็นบอกว่าโผล่มาแค่ 40 วินาที) และ MARY WORONOV เล่นด้วย และเห็นนักวิจารณ์บอกว่าหนังไม่ค่อยมี “เนื้อเรื่อง” เท่าไหร่ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นข้อดีของหนังเรื่องนี้
http://www.imdb.com/title/tt0116422/

รู้สึกว่า BEN AFFLECK หายหน้าไปนานมากแล้ว ยุคนี้คงเป็นยุคตกต่ำของเขาจริงๆ หนังเรื่องใหม่ของเขาคือ MAN ABOUT TOWN (2006, MIKE BINDER) ที่มี GINA GERSHON, BAI LING และ JOHN CLEESE ร่วมแสดงด้วย ไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้จะได้เข้ามาฉายในไทยหรือเปล่า และไม่รู้ว่าหนังจะดีแค่ไหน ส่วน MIKE BINDER นั้นเคยกำกับหนังเรื่อง THE UPSIDE OF ANGER (2005, A-)


--ตอบคุณ OLIVER

ชอบนิยายเรื่อง TESS OF THE D’URBERVILLES ของ THOMAS HARDY อย่างสุดๆเลยค่ะ เป็นนิยายในดวงใจเรื่องหนึ่งของชีวิตนี้เลย

ส่วนที่ชอบที่สุดในนิยายเรื่อง TESS OF THE D’URBERVILLES คือบทสนทนาระหว่างพระเอกซึ่งเป็นผู้มีการศึกษา กับเทสส์ซึ่งเป็นสาวชาวบ้าน พระเอกพยายามจะถ่ายทอดความรู้ จะสอนหนังสือให้นางเอก แต่กลับเจอกับคำตอบของนางเอกที่เจ็บปวดมากๆ
(ข้อความข้างล่างนี้เป็นการแปลเองแบบเดามั่ว)
http://etext.library.adelaide.edu.au/h/hardy/thomas/h27t/chap19.html

พระเอก – “เธออยากจะเรียนหนังสือไหม อย่างเช่นเรียนประวัติศาสตร์ไง”

เทส – “บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่ต้องการจะรู้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่ฉันรู้อยู่แล้ว”

“ทำไมอย่างนั้นล่ะ”

“ก็มันจะมีประโยชน์อะไรกันล่ะที่จะได้เรียนรู้ว่าฉันเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่เหมือนกับคนอีกเป็นจำนวนมาก มีประโยชน์อะไรกันที่จะได้รู้ว่ามีคนบางคนที่เหมือนฉันอยู่ในหนังสือเก่าๆ ได้รู้ว่าฉันจะมีชีวิตเหมือนผู้หญิงคนนั้น ความรู้นั้นรังแต่จะทำให้ฉันเศร้าใจ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการไม่ต้องจดจำว่าธรรมชาติของคุณและการกระทำในอดีตของคุณเหมือนกับคนอีกหลายพันหลายหมื่นคน และการไม่ต้องจดจำว่าชีวิตและการกระทำของคุณในอนาคตจะเหมือนกับคนอีกหลายพันหลายหมื่นคน”

“อย่างนั้นเองหรือ แล้วเธอไม่ต้องการจะเรียนรู้สิ่งใดเลยหรือนี่”

“ฉันไม่รังเกียจหรอกถ้าจะได้เรียนรู้ว่าเพราะเหตุใด เพราะเหตุใดดวงอาทิตย์ถึงส่องแสงลงมาบนคนดีและคนชั่วอย่างเท่าเทียมกัน” เทสส์ตอบ เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย “แต่นั่นคือสิ่งที่ไม่มีหนังสือเล่มใดเลยยอมบอกแก่ฉัน”

“I shouldn’t mind learning why — why the sun do shine on the just and the unjust alike,” she answered, with a slight quaver in her voice. “But that’s what books will not tell me.”


--นอกจากแต่งนิยายแล้ว THOMAS HARDY ยังแต่งกลอนด้วย กลอนบทหนึ่งของเขาที่อ่านทีไรก็ร้องไห้ทีนั้นคือกลอน THE MAN HE KILLED ที่ประณามความชั่วร้ายของสงคราม ดิฉันรู้สึกว่ากลอนนี้อาจจะใช้ประกอบหนังเรื่อง MERRY CHRISTMAS (2005, CHRISTIAN CARION) ได้เหมือนกัน และเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ประกอบหนังตุรกีเรื่อง FOTOGRAF (2001, KAZIM OZ, A+++++) เพราะเนื้อหาในกลอนกับในหนังพูดถึงประเด็นเดียวกันั

Had he and I but metBy some old ancient inn,We should have set us down to wetRight many a nipperkin!But ranged as infantry,And staring face to face,I shot at him as he at me,And killed him in his place.I shot him dead because--Because he was my foe,Just so: my foe of course he was;That's clear enough; althoughHe thought he'd 'list, perhaps,Off-hand like--just as I--Was out of work--had sold his traps--No other reason why.Yes; quaint and curious war is!You shoot a fellow downYou'd treat, if met where any bar is,Or help to half a crown.

แปลแบบมั่วๆผิดๆถูกๆได้ดังนี้

ถ้าหากผมกับเขาได้เจอกัน
ที่โรงแรมเก่าๆสักแห่ง
เราก็คงนั่งลงที่โต๊ะเดียวกัน
และกินเหล้ากันอย่างสำราญบานใจ

แต่เราทั้งคู่กลับเป็นทหาร
และกำลังเผชิญหน้ากัน
ผมยิงเขาขณะที่เขายิงผม
และผมก็ฆ่าเขาตายคาที่

ผมฆ่าเขาเพราะอะไรน่ะหรือ
ก็คงเพราะว่าเขาเป็นศัตรูของผมล่ะมั้ง
เหตุผลมีแค่นี้แหละ เขาเป็นศัตรูของผมอย่างแน่นอน
และนั่นก็ชัดเจนเพียงพอแล้ว

บางทีเขาสมัครเป็นทหารเพราะว่า
เขาเพิ่งขายสมบัติของตัวเอง
เหมือนกับผมที่กำลังตกงาน
ไม่ได้มีเหตุผลอื่นอีกเลย

ใช่ สงครามเป็นสิ่งที่น่าฉงน
คุณยิงเพื่อนมนุษย์ตายไป
คนที่คุณอาจเลี้ยงเหล้าเขา ถ้าเพียงแต่คุณได้พบเขาที่บาร์
หรือไม่คุณก็อาจช่วยออกเงินให้เขาไปแล้ว


--เพลงของ PET SHOP BOYS ที่ดิฉันชอบมากที่สุด อาจจะรวมถึงเพลง BEING BORING ค่ะ เพราะมิวสิควิดีโอเพลงนี้สุดยอดมากๆ และเนื้อเพลงก็เสียดแทงใจมาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเนื้อเพลงนี้หมายความว่าอะไร แต่เวลาฟังเพลงนี้แล้ว จะรู้สึกว่า “กาลเวลาได้นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอันน่าเศร้า” เพราะเมื่อเรามีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะพบว่าเพื่อนเก่าจะค่อยๆหายไปจากชีวิตของเราเรื่อยๆ ทีละคนๆ และตัวเราเองก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเราเคยคาดหวังไว้เหมือนเมื่อครั้งที่เรายังมีไฟฝันในวัยหนุ่มสาว พูดถึงจุดนี้แล้วก็นึกถึงหนังเรื่อง 13 GOING ON 30 (2004, GARY WINICK, A+) ขึ้นมาเลยแฮะ

รู้สึกว่าทางวง PET SHOP BOYS จะบอกว่าเพลงนี้เกี่ยวกับ “การเติบโต และอุดมคติในวัยหนุ่มสาว และสิ่งที่เกิดขึ้นกับอุดมคติเหล่านั้นเมื่อเราโตขึ้น”

เนื้อเพลง BEING BORING

I came across a cache of old photosAnd invitations to teenage parties"Dress in white" one said, with quotationsFrom someone's wife, a famous writerIn the nineteen-twentiesWhen you're young you find inspirationIn anyone who's ever goneAnd opened up a closing doorShe said: "We were never feeling bored'Cause we were never being boringWe had too much time to find for ourselvesAnd we were never being boringWe dressed up and fought, then thought: "Make amends"And we were never holding back or worried thatTime would come to an endWhen I went I left from the stationWith a haversack and some trepidationSomeone said: "If you're not carefulYou'll have nothing left and nothing to care forIn the nineteen-seventies"But I sat back and looking forwardMy shoes were high and I had spotsI'd bolted through a closing doorI would never find myself feeling bored'Cause we were never being boringWe had too much time to find for ourselvesAnd we were never being boringWe dressed up and fought, then thought: "Make amends"And we were never holding back or worried thatTime would come to an endWe were always hoping that, looking backYou could always rely on a friendNow I sit with different facesIn rented rooms and foreign placesAll the people I was kissingSome are here and some are missingIn the nineteen-ninetiesI never dreamt that I would get to beThe creature that I always meant to be (ประโยคนี้ทำให้ดิฉันร้องไห้ เพราะมันสะท้อนความจริงที่น่าเจ็บปวดของชีวิต)But I thought in spite of dreamsYou'd be sitting somewhere here with me'Cause we were never being boringWe had too much time to find for ourselvesAnd we were never being boringWe dressed up and fought, then thought: "Make amends"And we were never holding back or worried thatTime would come to an endWe were always hoping that, looking backYou could always rely on a friendลองค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเมื่อตะกี้แล้วก็ตกใจสุดขีดเมื่อพบว่ามีคนบางคนคลั่งไคล้เพลง BEING BORING ของ PET SHOP BOYS อย่างสุดๆจนถึงกับจัดทำเว็บไซท์อันสวยงามให้กับเพลงนี้โดยเฉพาะ ดิฉันรู้สึกดีใจสุดขีดเช่นกันค่ะที่พบว่ามีคนบางคนรักและหลงใหลในเพลงนี้อย่างมากๆเช่นกัน
http://www.10yearsofbeingboring.com/

ภาพจากมิวสิควิดีโอ BEING BORING
http://www.10yearsofbeingboring.com/pics/big/video/15.jpg
http://www.10yearsofbeingboring.com/pics/big/video/26.jpg

มิวสิควิดีโอเพลงนี้กำกับโดย BRUCE WEBER ซึ่งเคยกำกับหนังสารคดีเรื่อง BROKEN NOSES (1987), CHOP SUEY (2001) และ A LETTER TO TRUE (2004)

BROKEN NOSES มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ANDY MINSKER นักมวยที่หันมาเปิดโรงยิมให้กับเด็กหนุ่มๆ

CHOP SUEY
http://www.filmforum.org/archivedfilms/chopsuey/chopsuey3.jpg

ผลงานการถ่ายภาพของ BRUCE WEBER

ภาพ BURMA DREAMING (1997)
http://www.artefino.ch/ARTISTS/Bruce_Weber/Burma%20Dreaming,%20Peter%20Johnson,%201997.jpg

ภาพ BRUNO & EDUARDO (1986)
http://www.artefino.ch/ARTISTS/Bruce_Weber/Bruno%20and%20Eduardo,%20Rio,%201986.jpg

ภาพ JUSTIN LAZARD (1986)
http://www.artefino.ch/ARTISTS/Bruce_Weber/Justin%20Lazard,%20Actor,%20NYC,%201986.jpg

No comments: