Sunday, June 04, 2006

AARON MURPHY

FAVORITE SUPPORTING ACTOR
1.GARY BEACH – THE PRODUCERS

2.ROGER BARTH – THE PRODUCERS

3.AARON MURPHY – RAIN
นี่เป็นดาราเด็กชายที่น่าจับตามองมากๆ เพราะนอกจากเขาจะอายุน้อยมากแล้ว เขายังได้เล่นหนังดีๆตั้งหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึง BOOGEYMAN (2005, STEPHEN T. KAY, A+) และ THE WORLD’S FASTEST INDIAN (2005, ROGER DONALDSON, A)
http://www.magpictures.com/resources/presskits/WFI/7.jpg

คิดว่า AARON MURPHY ต้องเป็นคู่แข่งคนสำคัญสำหรับ JACK ROVELLO (1994) อย่างแน่นอน โดย JACK ROVELLO นั้นเคยฝากฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยมสุดๆไว้แล้วใน THE HOURS (2002, STEPHEN DALDRY, A+) และ LONESOME JIM (2005, STEVE BUSCEMI, B+)
http://www.moviesintofilm.com/rovello.jpg


ความเห็นเพิ่มเติม

INNOCENT VOICES

--LUIS MANDOKI (1954) ซึ่งเป็นชาวเม็กซิโก เคยกำกับหนังเรื่อง ANGEL EYES (2001), MESSAGE IN A BOTTLE (1999, C+), WHEN A MAN LOVES A WOMAN (1994, A), BORN YESTERDAY (1993, B-), WHITE PALACE (1990), GABY: A TRUE STORY (1987)
http://images.amazon.com/images/P/6302874289.01.LZZZZZZZ.jpg

อย่าจำ LUIS MANDOKI สลับกับ LUIS PUENZO (1946) ซึ่งเป็นชาวอาร์เจนตินา และเคยกำกับหนังเรื่อง THE WHORE AND THE WHALE (2004), BROKEN SILENCE (2002), THE PLAGUE (1992, A-), WITH OPEN ARMS (1990), OLD GRINGO (1989), THE OFFICIAL STORY (1985)
http://images.amazon.com/images/P/B00018D4PO.01.LZZZZZZZ.jpg
http://images.amazon.com/images/P/B0002TSZKG.01.LZZZZZZZ.jpg
http://images.amazon.com/images/P/B000067D25.01.LZZZZZZZ.jpg

สิ่งที่ทำให้เกิดความสับสนอย่างสุดๆก็คือว่า NORMA ALEANDRO (1936) ดาราหญิงชาวอาร์เจนตินา นำแสดงทั้งใน GABY: A TRUE STORY (LUIS MANDOKI) และใน THE OFFICIAL STORY (LUIS PUENZO)

--อย่าจำ INNOCENT VOICES สลับกับหนังฟิลิปปินส์เรื่อง SMALL VOICES (2002, GIL PORTES, B-)

--รู้สึกชอบ “เนื้อหา” ของ INNOCENT VOICES อย่างมาก เพราะชอบหนังชีวิตวัยเด็กแนวนี้ แต่รู้สึกชอบฝีมือการกำกับของ LUIS MANDOKI ในระดับปานกลางเท่านั้น รู้สึกว่า LUIS MANDOKI กำกับได้ดีพอประมาณ แต่ยังดึงพลังจากเนื้อเรื่องออกมาได้ไม่ถึงที่สุด คิดว่าหนังที่มีเนื้อหาทำนองนี้ ถ้าหากเอาไปให้ COSTA-GAVRAS (1933) หรือ KEN LOACH กำกับ ก็อาจจะกลายเป็นหนังที่ทรงพลังสุดขีดได้ เหมือนอย่างที่เห็นมาแล้วจาก MISSING (1982, A+) ที่พูดถึงปัญหาการเมืองในชิลี และ CARLA’S SONG (1996, KEN LOACH, A+) ที่พูดถึงปัญหาการเมืองในนิคารากัว

--ดู INNOCENT VOICES แล้วทำให้นึกถึงหนังเกี่ยวกับละตินอเมริกาที่เคยดูหรืออยากดูอีกมากมายหลายเรื่อง อย่างเช่น


1.IN DECEMBER THE ROSES WILL BLOOM AGAIN (1983, JOSEPH SARGENT, A+)

สร้างจากเรื่องจริงของมิชชันนารีหญิงที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณโหดร้ายในเอลซัลวาดอร์ในปี 1980 ดูแล้วร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรงเหมือน THE MISSION (1986, ROLAND JOFFE, A+)


2.11”09’01 – SEPTEMBER 11 (2002, KEN LOACH, A+)
หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับชิลี

3.DAYS OF SANTIAGO (2004, JOSUE MENDEZ, A+)
ชีวิตทหารผ่านศึกในเปรู
http://images.amazon.com/images/P/B000BQ7J5W.01.LZZZZZZZ.jpg


4.CALM PREVAILS OVER THE COUNTRY (1976, PETER LILIENTHAL, A)
บทวิจารณ์ของ VINCENT CANBY ต่อหนังเรื่องนี้
PETER LILIENTHAL'S "Calm Prevails Over the Country" is a German film made in Portugal about the gradual destruction of democracy in a South American country that resembles both Uruguay, where the German-born film maker lived for 20 years, and Chile. It's an intensely interesting film, very measured and clear at the beginning, full of the precisely observed details of daily life that in movies are the equivalent to life's small talk, and then, quite suddenly, a poetic parable of implications that extend beyond the political.


5.OF LOVE AND SHADOWS (1994, BETTY KAPLAN, B+)
หนังมีเนื้อหาเกี่ยวกับเผด็จการทหารในชิลี นำแสดงโดย JENNIFER CONNELLY, ANTONIO BANDERAS และ DIEGO WALLRAFF

DIEGO WALLRAFF
http://www.diegowallraff.com/images/headshots/headleather.jpg


6.HIGH CRIMES (2002, CARL FRANKLIN, B+)
เรื่องของผู้หญิงที่สงสัยว่าสามีตัวเองอาจจะเคยฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ตายไปหลายคนในละตินอเมริกาสมัยที่เขาเคยเป็นทหาร


7.EL NORTE (1983, GREGORY NAVA, GUATEMALA)
เรื่องของสองพี่น้องชาวมายันที่ถูกทหารกัวเตมาลาตามทำร้าย ทั้งสองจึงพยายามหลบหนีเอาชีวิตรอดและหวังจะมาตั้งต้นชีวิตใหม่ในสหรัฐ
http://images.amazon.com/images/P/B000294GDQ.01.LZZZZZZZ.jpg


8.RED DAWN หรือ ROJO AMAENECER (1989, JORGE FONS, MEXICO)
สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทหารเม็กซิโกสังหารนักศึกษาตายหลายร้อยคนในเดือนต.ค.ปี 1968
http://instruct1.cit.cornell.edu/courses/spanl390/rojo.jpg
http://www.laserdisken.dk/billeder/forsidealm/348609470157393.jpg


9.KAMCHATKA (2002, MARCELO PINEYRO, ARGENTINA)
A dictatorship starts in Argentina, and Harry's family is against nowadays dictator, so, to avoid being killed, they have to hidden in a isolated place. How is this for a typical ten-year-old boy? how can cope with all the things that he is not yet unable to understand?


10.IN THE MOUTH OF THE WOLF (1988, FRANCISCO J. LOMBARDI, PERU)
หนังเกี่ยวกับการปราบปราบผู้ก่อการร้ายกลุ่ม SHINING PATH ในเปรู โดยทหารผู้น้อยพบว่าทหารผู้นำออกคำสั่งให้กวาดล้างชาวบ้านในหมู่บ้านให้หมด เพราะชาวบ้านพวกนี้ทรยศ และทหารชั้นผู้น้อยต้องเลือกว่าจะทำตามสามัญสำนึกหรือทำตามคำสั่งของผู้นำ

FRANCISCO J. LOMBARDI เคยกำกับ CAPTAIN PANTOJA AND THE SPECIAL SERVICES (2000) และหนังเกย์เรื่อง DON’T TELL ANYONE (1999, A-)
http://images.amazon.com/images/P/B0000AGWRF.01.LZZZZZZZ.jpg


11.PIXOTE: THE LAW OF THE WEAKEST (1981, HECTOR BABENCO, BRAZIL)
เรื่องราวของชีวิตเด็กอันโหดร้ายในเมืองเซา เปาโล
http://images-eu.amazon.com/images/P/B000056PNB.01.LZZZZZZZ.jpg


12.THE ROSE SELLER (1998, VICTOR GAVIRIA, COLOMBIA)
เรื่องราวของชีวิตเด็กอันโหดร้ายในประเทศโคลัมเบีย
http://www.geocities.com/cineclubepfeijoo/vendrosp.jpg


13.THE DEVIL’S MINER (2005, KIEF DAVIDSON + RICHARD LADKANI, BOLIVIA)เรื่องราวของชีวิตเด็กอันโหดร้ายในโบลิเวีย
http://images.amazon.com/images/P/B000EULK14.01.LZZZZZZZ.jpg


14.GUYANA TRAGEDY: THE STORY OF JIM JONES (1980, WILLIAM A. GRAHAM)
สร้างจากเรื่องจริงเกี่ยวกับประชาชนนับพันที่ฆ่าตัวตายหมู่ตามเจ้าลัทธิในประเทศ GUYANA โดยมี POWERS BOOTHE รับบทเป็นเจ้าลัทธิ


15.HIDDEN IN PLAIN SIGHT (2003, JOHN H. SMIHULA)
หนังสารคดีเกี่ยวกับสถาบัน SCHOOL OF THE AMERICAS ที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐ และทำการสอนทหารละตินอเมริกาในหลายๆประเทศให้รู้จักทรมานประชาชนอย่างโหดร้าย
http://www.hiddeninplainsight.org/pages/reviews.html


16.ละครทีวีเรื่อง “อำนาจ” ทางช่อง 7 ที่สร้างจากนิยายของประภัสสร เสวิกุล



THE INSANE

เสียดายที่มีเวลาดูหนังชุดนี้เพียงแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ทำให้ดูได้ไม่ครบทุกเรื่อง แต่ก็ประทับใจอย่างสุดๆ

ดูแล้วนึกถึง TEN TINY LOVE STORIES (RODRIGO GARCIA, A+) ด้วยเหมือนกัน เพราะ TEN TINY LOVE STORIES ให้ผู้หญิง 10 คนมาเล่าประสบการณ์ชีวิตรักของตัวเองต่อหน้ากล้อง และให้ผู้ชมจินตนาการภาพเหตุการณ์ที่พวกเธอเล่าขึ้นมาในหัวเอง โดยที่หนังไม่ได้ให้เราเห็นภาพเหตุการณ์ที่พวกเธอเล่าเลย

ส่วน THE INSANE นั้นอาจจะหนักข้อกว่า TEN TINY LOVE STORIES เพราะในขณะที่ TEN TINY LOVE STORIES เปิดโอกาสให้เราได้เห็นใบหน้าและได้ยินน้ำเสียงของนักแสดงหญิงผู้เล่าเรื่องอย่างชัดเจน THE INSANE กลับทำให้เราแทบไม่ได้เห็นหน้าของผู้เล่าเรื่องเลย เราจะได้เห็นเพียงภาพผู้หญิงเบลอๆนั่งอยู่เท่านั้น ส่วนเสียงที่เราได้ยินก็เป็นเสียงของผู้หญิงหลายคนพูด จนแยกไม่ออกว่าเสียงไหนมาจากจอไหนกันแน่

อย่างไรก็ดี แค่การได้อ่านตัวอักษรที่เลื่อนไปเรื่อยๆบนหน้าจอ ก็เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากๆแล้ว เพราะเรื่องที่ผู้หญิงวิกลจริตแต่ละคนเล่ามานี้ เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก และเรื่องราวเหล่านี้ทำให้ดิฉันเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่าตัวเองคงเป็นบ้า เพราะดูเหมือนว่าจินตนาการของผู้หญิงวิกลจริตกับจินตนาการของดิฉันบางทีมันก็ใกล้เคียงกันมาก

เรื่องราวของหญิงวิกลจริตบางคนน่าเศร้ามาก และถ้าหากเรื่องที่เธอเล่าเป็นเรื่องจริง ก็ไม่น่าประหลาดใจที่ประสบการณ์ชีวิตที่โหดร้ายทารุณดังกล่าวจะทำให้เธอต้องเป็นอย่างนี้ แต่เรื่องราวของบางคนก็ตลกมาก แต่ยิ่งฟังแล้วตลกน่าหัวเราะมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสงสัยอยู่ในใจมากเพียงนั้นว่า “อะไร” ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอคนนั้นเป็นอย่างนี้ การได้ฟังเรื่องราวอันน่าขันใน THE INSANE ทำให้อยากหัวเราะออกมาหลายครั้ง แต่ก็หัวเราะไม่ออก เพราะพอจะหัวเราะทีไร เราก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจไปกับชีวิตของผู้เล่าไปด้วยในเวลาเดียวกัน

โชคดีที่ในการจัดฉาย THE INSANE ครั้งนี้ มีหนังสือ ART AND WORDS ของ ARAYA RASDJAMREARNSOOK วางขายในงานด้วย และหนังสือเล่มนี้ก็บรรจุ TRANSCRIPTS คำพูดของผู้หญิงกลุ่มนี้เอาไว้ รู้สึกว่าจะมีคนมาพูดทั้งหมด 11 คนด้วยกัน

1.เรื่องราวที่สนุกที่สุดคงเป็นเรื่องของผู้หญิงที่เลี้ยงช้างแมมมอธ, งูหางกระดิ่งไดมอนแวก และนกเป็ดน้ำไซบีเรีย เธอเล่าว่าช้างแมมมอธมาคลอดลูกที่บ้านเยอะแยะหมดเลย

2.ผู้หญิงคนที่สองเล่าว่าพ่อของเธอยิงแม่ตายตอนตีสอง แต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้ยินเสียงอะไร โดยเนื้อหาที่เธอเล่านี้ทำให้นึกถึงภาพยนตร์สเปนเรื่อง WHEN THE BELL CHIMED 13 (2002, XAVIER VILLAVERDE, B+)
http://images.amazon.com/images/P/B000ARTMSE.01.LZZZZZZZ.jpg

3.ผู้หญิงคนที่สามเล่าถึงชีวิตของเธอที่หนีตามผู้ชายที่อายุอ่อนกว่าเธอ 5 ปี โดยเธอเล่าว่าผู้ชายคนนี้รักเธอตั้งแต่แรกเห็น และเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไป นอกจากนี้ เขายังไม่รังเกียจเธอเลยด้วยที่เธอแก่กว่าเขาและเคยเข้าโรงพยาบาลมาก่อน

4.ผู้หญิงคนที่สี่เล่าว่าสามีของเธอมีภรรยาน้อย และภรรยาน้อยคนนี้ฆ่าลูกตาย 3 คน โดยเอาศพลูกคนแรกไปยัดไว้ในต้นไม้, ศพลูกคนที่สองไปทิ้งถังขยะ และศพลูกคนที่สามเอาไปฝังในทราย แต่ต่อมาหมากลับไปขุดเอาศพเด็กขึ้นมา

5.ผู้หญิงคนที่ 5 พูดถึงความเชื่อที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการมีลูกชายและการมีลูกสาว

6.ผู้หญิงคนที่หกคิดถึงแม่เลี้ยงเป็นอย่างมาก

7.ผู้หญิงคนที่ 7 มีน้องสาวอยู่สวิตเซอร์แลนด์

8.ผู้หญิงคนที่ 8 ต้องการศีกษาเรื่องโทรจิต

9.ผู้หญิงคนที่ 9 บอกว่าตัวเองเป็นทอมบอย

10.ผู้หญิงคนที่ 10 เอาแต่ร้องเพลง

11.ผู้หญิงคนที่ 11 บอกว่าตัวเองเป็น I AM A NOBLEWOMAN FALLEN FROM GRACE, A NOBLEWOMAN FALLEN FROM GRACE.

ชอบการเล่าของผู้หญิงคนที่ 11 เป็นอย่างมาก การเล่าเรื่องของผู้หญิงคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง INDIA SONG (1975, MARGUERITE DURAS, A+)



TONGAN NINJA (2002, JASON STUTTER, B+/B)

เป็นหนังที่ “ประสาทแดก” ดีมากๆ ดูแล้วรู้สึกเลยว่าผู้สร้างหนังเรื่องนี้น่าจะ “มีความสุข” หรือรู้สึกสนุกขณะสร้างหนังเรื่องนี้ ดูแล้วทำให้นึกถึงหนังหลุดโลกอย่าง THE ADVENTURES OF IRON PUSSY, ATOMIK CIRCUS (2004, DIDIER POIRAUD + THIERRY POIRAUD, B+), UNDEAD (2003, MICHAEL SPIERIG + PETER SPIERIG, A-) และขุนกระบี่ ผีระบาด (2004, ทวีวัฒน์ วันทา, A-/B+)
http://images.amazon.com/images/P/B000ARFPPI.01.LZZZZZZZ.jpg

ฉากที่เด็ดที่สุดในหนังเรื่องนี้ คือฉากที่ไมโครโฟนที่ใช้อัดเสียงนักแสดง โผล่แพลมๆมาให้เห็นตรงขอบจอด้านบน โดยไมโครโฟนโผล่มาได้พักนึง พระเอกที่กำลังต่อสู้กับผู้ร้ายในภาวะคับขันก็เกิดได้ไอเดียขึ้นมา เขาก็เลยเอาไมโครโฟนนั้นมาใช้เป็นอาวุธต่อสู้กับผู้ร้ายเลย

แต่สาเหตุที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้เพียงแค่ B+ คงเป็นเพราะหนังเรื่องนี้มีความเป็นผู้ชายสูงมาก ไม่ได้เป็นหนังประสาทแดกแบบแร่ดๆอย่าง THE ROCKY HORROR PICTURE SHOW (1975, JIM SHARMAN, A+)


THE LOCALS (2003, GREG PAGE, A+)

ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึง CELINE AND JULIE GO BOATING (JACQUES RIVETTE, A+) เพียงแต่เปลี่ยนจากนางเอก 2 คนมาเป็นพระเอก 2 คน และทำให้มันเป็นหนังสยองขวัญแบบเต็มตัว

ดู THE LOCALS แล้วทำให้นึกถึงละครทีวีชุด TWILIGHT ZONE (1985-1989, A+) ด้วย
http://images.amazon.com/images/P/B00068NVLQ.01.LZZZZZZZ.jpg


I’LL MAKE YOU HAPPY (1999, ATHINA TSOULIS, A+/A)

ช่วงแรกๆของหนังแร่ด DOG มากๆ ดูแล้วนึกถึง JOHN WATERS, PEDRO ALMODOVAR และ JON MORITSUGU เพราะหนังมีตัวประกอบประสาทแดกเยอะมาก และให้อารมณ์ที่ดิบมากๆ แต่ทำไมพอถึงช่วงท้ายของหนัง หนังกลับให้อารมณ์ซึ้งๆประมาณ STEPMOM (1998, CHRIS COLUMBUS, B) แทน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง


KOMBI NATION

หนังสารคดีหลอกเรื่องนี้ให้การแสดงที่เป็นธรรมชาติมากๆ และดาราส่วนใหญ่ในเรื่องก็หน้าตาติดดินดีมาก หนังเรื่องนี้เป็นหนังสารคดีหลอกที่สนุก, ตลก, ฮา และสมจริงจนน่าตกใจไม่แพ้ THE LOVE MACHINE (2000, GORDON ERIKSEN, A+)


สรุปว่าเทศกาลหนังนิวซีแลนด์ครั้งนี้เป็นเทศกาลที่คัดเลือกหนังมาได้เข้าทางดิฉันอย่างสุดๆ เพราะได้ดูหนังในงานนี้ 7 เรื่อง ปรากฏว่าชอบในระดับ A+ ถึง 6 เรื่อง (THE LOCALS, I’LL MAKE YOU HAPPY, KOMBI NATION, SCARFIES, STICKMEN, RAIN) และชอบระดับ B+ เพียง 1 เรื่องเท่านั้น (TONGAN NINJA)

No comments: