Monday, January 08, 2007

CAUGHT IN THE ACTS (A+++++)

หนังที่ได้ดูในช่วงนี้

1.CAUGHT IN THE ACTS (1994, RAYMOND DEPARDON, A++++++)
http://www.imdb.com/title/tt0109697/

หนังสารคดีเรื่องนี้ฉายที่สมาคมฝรั่งเศส ถ.สาทรใต้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเป็นการบันทึกภาพผู้ช่วยอัยการขณะสอบสวนผู้ต้องหาราวสิบกว่าคน

หนังเรื่องนี้มีอะไรฮาๆซ่อนอยู่เยอะมาก เพราะผู้ต้องหาหลายคนดูเหมือนจะพยายามโกหกอย่างโง่ๆจนถูกอัยการไล่ต้อนอย่างน่าขัน และผู้ช่วยอัยการคนหนึ่งก็ดูฮาๆคล้าย SABINE AZEMA ในขณะที่ผู้ช่วยอัยการบางคนก็ดูเหมือนเป็นเกย์

สิ่งหนึ่งที่ชอบสุดๆใน CAUGHT IN THE ACTS คือการที่ดิฉันไม่รู้ว่าควรจะ “รู้สึก” อย่างไรดีกับผู้ต้องหาแต่ละคนในหนังเรื่องนี้ เพราะผู้ต้องหาส่วนใหญ่ในหนังเรื่องนี้ “ดูเหมือน” น่าสงสาร แต่ดิฉันก็บอกไม่ได้ว่าเขาน่าสงสารจริงๆหรือเขาพยายามทำให้ตัวเองดูน่าสงสารต่อหน้าผู้ช่วยอัยการ และหนังสารคดีเรื่องนี้ก็ไม่ได้ “บอก” เราแต่อย่างใดว่าเราควรรู้สึกอย่างไรกับผู้ต้องหาแต่ละคน หนังเรื่องนี้ไม่ได้พยายามโน้มนำเราเลยว่าผู้ต้องหาคนนี้น่าสงสารจริงๆนะ หรือบอกเราว่าจริงๆแล้วผู้ต้องหาคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบายนะ

ถ้าหากหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่หนังจะพยายามบอกคนดูว่าควรรู้สึกเข้าข้างหรือเอาใจช่วยผู้ต้องหามากเพียงใด แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้พยายามเจาะลึกเข้าไปในชีวิตผู้ต้องหาแต่ละคนเลย เราได้รู้จักผู้ต้องหาแต่ละคนในเวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งก็คงจะใกล้เคียงกับช่วงระยะเวลาอันแสนสั้นที่ผู้ช่วยอัยการได้พบปะพูดคุยกับผู้ต้องหาเหล่านี้

ความรู้สึกที่ “ก้ำกึ่ง” ที่มีต่อผู้ต้องหาในหนังเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ดิฉันแทบไม่ค่อยได้พบในการชมภาพยนตร์เท่าใดนัก เพราะภาพยนตร์ส่วนใหญ่มักจะมีบทเฉลยอยู่แล้วว่าผู้ต้องหาคนนั้นทำผิดจริงหรือไม่, เขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่ในใจมากเพียงใด, เขาทำเลวเพราะสาเหตุอะไร และเขาสมควรได้รับการให้อภัยหรือไม่ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้บอกเราอย่างนั้นเลย ผู้ชมต้องรับรู้และรับฟังคำให้การของผู้ต้องหาแต่ละคน โดยไม่สามารถด่วนสรุปได้เลยว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไรกันแน่กับผู้ต้องหาคนนั้น และดิฉันก็คิดว่าปฏิกิริยาที่ดิฉันมีต่อผู้ต้องหาแต่ละคนในหนังเรื่องนี้ ใกล้เคียงเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ดิฉันต้องทำกับคนต่างๆที่ได้พบเจอในชีวิตจริง นั่นก็คือเราต้องไม่มองเขาในด้านดีเกินไปหรือในด้านเลวเกินไป เราต้องไม่ด่วนสรุปว่าการที่เขาทำเลว เป็นเพราะเขาเป็นคนชั่ว เพราะบางทีเขาอาจจะทำเลวเพราะเขามีความจำเป็นจริงๆก็เป็นได้ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องไม่ไว้วางใจเขามากเกินไป เพราะถึงแม้เขาอาจจะดูน่าสงสารเห็นใจอย่างมาก นั่นก็อาจจะเป็นเพียงแค่ “การแสดง” ของเขาเท่านั้น


2.PERFUME: THE STORY OF A MURDERER (2006, TOM TYKWER, A+)

ชอบช่วงท้ายๆของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

BIRGIT MINICHMAYR (HOTEL, YOU BET YOUR LIFE, THE FAREWELL, DOWNFALL) ดาราหญิงในดวงใจของดิฉันรับบทเป็นแม่ของพระเอกในหนังเรื่องนี้
http://www.imdb.com/name/nm0591352/

ผลงานล่าสุดของ BIRGIT MINICHMAYR คือ FALLING (2006, BARBARA ALBERT) ซึ่งรู้สึกว่าจะได้รับคำชมมากพอสมควรจาก NICOLE ARMOUR ใน FILM COMMENT เล่มเดือน NOV/DEC 2006


3.THE BLACK DAHLIA (2006, BRIAN DE PALMA, A+/A)

รู้สึกชอบบางจุดในหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ แต่ก็มีบางจุดที่ไม่ชอบเช่นกัน สิ่งที่ชอบมากๆในหนังเรื่องนี้ก็รวมถึง

3.1--ความเลวของตัวละครแต่ละตัว ตัดสินได้ยากมากๆว่าใครเลวกว่าใคร

3.2--การแสดงของ FIONA SHAW ที่สุดเดชมากๆในฉากโต๊ะกินข้าว

3.3--ฉากที่ HILARY SWANK ปะทะกับ SCARLET JOHANSSON ซึ่งดูเหมือนจะมีแค่ฉากเดียวในหนัง แต่รู้สึกว่ารัศมีของดาราสองคนนี้มันปะทะกันรุนแรงมาก
(บทวิจารณ์หนังเรื่องนี้ใน REVERSE SHOT พูดถึงการใช้ผู้หญิงผมสีทองปะทะกับผมสีเข้มว่าเป็นสิ่งที่พบในหนังของ ALFRED HITCHCOCK ด้วยเหมือนกัน)
http://www.reverseshot.com/article/shot_black_dahlia

A period where k.d. lang officiates (in a top hat and tails get-up straight out of von Sternberg’s Morocco) over a lesbian bar sideshow that sets the stage for the exemplary drag-queen entrance of mannish Dahlia wannabe—and Bleichert seductress—Madeleine Linscott (Hilary Swank), her name as much a reference to Proust’s aromatic recollections as to Hitchcock’s obsessive blond/brunette dichotomies.


3.4-- look ของหนังที่ดูเหมือนหนังยุคเก่าๆดี

3.5--ฉากภาพหลอนติดตาตอนจบเป็นฉากที่หลอนติดตาดิฉันมากๆ ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ ดิฉันรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สนุกมากๆในระดับ A+ แต่พอดูหนังจบไปได้ระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่าหนังมีจุดที่ไม่ชอบอยู่หลายจุดเหมือนกัน ก็เลยลดระดับความชอบหนังเรื่องนี้ลงมาอยู่แค่ A แต่พอเวลาผ่านไปอีกสักระยะ ก็รู้สึกว่าบางอย่างในหนังเรื่องนี้มันฝังตาฝังใจมากๆ ตอนนี้ความชอบเลยเขยิบขึ้นมาอยู่ที่ A+/A

แต่ส่วนที่ไม่ชอบในหนังเรื่องนี้ก็คือการที่ตัวละครเลวๆบางตัวถูกกำจัดอย่างง่ายดายไปหน่อย ไม่รู้เหมือนกันว่านิยายต้นฉบับของหนังเรื่องนี้มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วหรือเปล่า

ดู THE BLACK DAHLIA แล้วเลยทำให้รู้สึกอยากดูหนังเรื่อง THE MAN WHO LAUGHS (1928, PAUL LENI) ที่ถูกอ้างอิงถึงใน THE BLACK DAHLIA ตามไปด้วย
http://www.imdb.com/title/tt0019130/
Gwynplaine, son of Lord Clancharlie, has a permanent smile carved on his face by the King, in revenge for Gwynplaine's father's treachery. Gwynplaine is adopted by a travelling showman and becomes a popular idol. He falls in love with the blind Dea. The king dies, and his evil jester tries to destroy or corrupt Gwynplaine. Unlike in the original story by Victor Hugo, the lovers escape to France.
http://ec2.images-amazon.com/images/P/B0000B1A1J.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1059583361_.jpg


4.BLOOD DIAMOND (2006, EDWARD ZWICK, A+/A)


5.GLASS RABBIT (2005, SETSUKO SHIBUICHI, A-/B+)
http://www.jfbkk.or.th/event/Theater_200701_eg.html
ดูที่มูลนิธิญี่ปุ่น สิ่งที่ชอบมากในหนังการ์ตูนเรื่องนี้คือการที่หนังไม่ได้แสดงให้เห็นแต่เพียงความเลวร้ายโดยตรงของสงครามที่ชาวบ้านในญี่ปุ่นได้รับเท่านั้น แต่หนังยังแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายเลวทรามที่ผู้หญิงญี่ปุ่นกระทำต่อผู้หญิงญี่ปุ่นด้วยกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องเร็วมากจนแทบตามเนื้อเรื่องไม่ทัน ดิฉันเดาว่าหนังการ์ตูนเรื่องนี้คงสร้างขึ้นเพื่อผู้ชมกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นเด็กๆญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันที่ต้องการดูหนังที่ดำเนินเนื้อเรื่องรวดเร็วทันใจ

เห็นเด็กๆญี่ปุ่นหลายคนมานั่งดูหนังเรื่องนี้ในโรง ซึ่งหนังก็ค่อนข้างเครียดมาก รู้สึกว่าเด็กๆจะนั่งนิ่งเงียบ ไม่โยเย และไม่มีเสียงหัวเราะหลุดออกมาเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนไหนจะเกิดอาการ TRAUMA เพราะหนังเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า

รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องที่ซ้ำซากและเดาง่าย แต่ก็ไม่รู้สึกแย่กับจุดนี้มากนัก เพราะผู้ชมกลุ่มเป้าหมายหลักของหนังเรื่องนี้คือเด็กๆยุคใหม่ หนังก็เลยต้องสื่อทุกอย่างให้ง่ายๆเข้าไว้ และสิ่งหนึ่งที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คือ “เจตนา” ของผู้สร้างหนัง ที่คงไม่ค่อยเห็นด้วยกับกระแสชาตินิยมในญี่ปุ่นยุคนี้มากนัก


ตอบคุณปีศาจความฝัน

ไม่ค่อยมีหนังที่ได้ต่ำกว่า C+ สักเท่าไหร่ค่ะ เพราะส่วนใหญ่หนังที่ดิฉันคิดว่าไม่ค่อยเข้าทางตัวเอง ดิฉันก็จะไม่เข้าไปดูอยู่แล้ว

หนังที่ได้เกรดต่ำมากๆจากดิฉันก็มีเช่น

1.สุริยะฆาต (2004, อนัต ยวงเงิน + กิตติพงษ์ ปัญญาทวีทรัพย์, C)
อนัต ยวงเงินได้กำกับ โคตรเพชฌฆาต (A-) ที่ดิฉันชอบมากๆด้วย

2.แก้วขนเหล็ก (2003, สุทัศน์ อินทรานุปกรณ์, C)

3.ไฉไล (2006, พจน์ อานนท์, C)

4.เดอะ ปาร์ค สวนสนุกมรณะ (2003, ANDREW LAU, C)
มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่ผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือคนๆเดียวกับที่กำกับ INFERNAL AFFAIRS ภาคสองและภาคสาม

5.ฮวงจุ้ย ฟ้าดินคนมรณะ (2003, บุญถิ่น ทวยแก้ว, C)

6.องค์บาก (C-)

7.โบอา งูยักษ์ (2006, ชนินทร เมืองสุวรรณ, C-)

8.จังหวัด 77 (2003, สมิธ ทิมสวัสดิ์, C-)

9.DESPERATE BUT NOT SERIOUS (1999, BILL FISHMAN, C-)
http://www.imdb.com/title/tt0160182/

10.ULTRAVIOLET (2006, KURT WIMMER, C-)
KURT WIMMER เคยกำกับ EQUILIBRIUM (2002, A-)

11.THEODORE REX (1995, JONATHAN R. BETUEL, F)
http://www.imdb.com/title/tt0114658/

12.มอแปด (2006, ยงยุทธ พินิจพงศ์, F)

No comments: