Sunday, March 18, 2007

TWISTED DIMENSIONS OF NARRATIVITY

http://xq28.net/s/viewtopic.php?t=3437&start=4256

ตอบพี่ KIT

กรี๊ดดดดดดดดดดดด

ดีใจมากค่ะที่พี่ KIT กลับมาอีกครั้ง คิดถึงพี่ KIT มากๆเลยค่ะ

ดีใจที่ได้รู้ว่า SUZANNE VEGA ยังเปิดคอนเสิร์ตได้อยู่ ไม่ได้ยินชื่อเธอมานาน 10 ปีแล้ว

มีอัลบัมของ SUZANNE VEGA อยู่สามชุด ซึ่งก็คือชุด

1.DAYS OF OPEN HAND (1990, A+)
ชอบเพลง THOSE WHOLE GIRLS (RUN IN GRACE) ในอัลบัมชุดนี้มากๆ
http://discography.vega.net/indexa.html

2.99.9 F (1992, A+)
ชอบเพลง IN LIVERPOOL ในอัลบัมชุดนี้มากๆ

3.NINE OBJECTS OF DESIRE (1996) งดให้เกรดเพราะยังไม่เคยฟังอัลบัมชุดนี้อย่างตั้งใจสักที

แต่รู้สึกตลกดีที่ SUZANNE VEGA ดูเหมือนจะโด่งดังที่สุดจากเพลงแดนซ์ ซึ่งก็คือเพลง TOM’S DINER ที่ถูกกลุ่มศิลปินในชื่อ DNA แอบนำไปรีมิกซ์โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่พอ SUZANNE VEGA รู้เรื่องนี้ เธอก็ตัดสินใจไม่ฟ้องร้อง DNA แต่กลับร่วมงานกับ DNA จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

พูดถึงกรณีนี้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงศิลปินรุ่นเก่าอีกหลายคนที่ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะทำเพลงแดนซ์ แต่ก็โด่งดังมากๆเพราะเพลงแดนซ์ อย่างเช่น

1.MOLOKO ที่ดังเปรี้ยงเมื่อเพลง SING IT BACK ของวงนี้ได้รับการรีมิกซ์จนแดนซ์กระจาย

2.TORI AMOS กับเพลง PROFESSIONAL WIDOW ที่ถูก ARMAND VAN HELDEN นำมารีมิกซ์จนแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลย

3.EVERYTHING BUT THE GIRL ที่ร้องเพลงช้าๆเป็นหลักมานานหลายปี แต่อยู่ดีๆพอเพลง MISSING ได้รับการรีมิกซ์เท่านั้นแหละ วงนี้ก็ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง

4.ALISON MOYET ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 ก็เลยต้องหันมาออกเพลงแดนซ์กับเขาด้วย นั่นก็คือเพลง WHISPERING YOUR NAME

5.CHER ก็กลับมาดังเปรี้ยงอีกครั้งได้ด้วยเพลง BELIEVE

6.CLANNAD ที่กลับมาดังอีกครั้งเมื่อร่วมงานกับ CHICANE ในเพลง SALTWATER

7.SARAH MCLACHLAN ตอนแรกก็ไม่ได้ทำเพลงแดนซ์ แต่ดูเหมือนเธอจะมาติดใจวงการเพลงแดนซ์กับเขาด้วยในเวลาต่อมา



ตอบน้อง VESPERTINE

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลโลล่า ถ้าหากให้พี่เชียร์แล้ว พี่ขอเชียร์ HINNERK SCHOENEMANN (เกิดปี 1974) ให้ได้รับรางวัลดาราประกอบชายยอดเยี่ยมจาก EMMA’S BLISS ค่ะ สาเหตุก็เพราะว่า HINNERK SCHOENEMANN เป็นสามีลำดับที่ 269 ในรายชื่อที่พี่เคยทำเอาไว้เมื่อกลางปีที่แล้วค่ะ
http://xq28.net/s/viewtopic.php?t=11301

จริงๆแล้ว SYLVESTER GROTH ที่เข้าชิงรางวัลเดียวกับ HINNERK SCHONEMANN ก็เป็นดาราที่พี่ชอบสุดๆเช่นกัน โดยเฉพาะฝีมือทางการแสดงของเขา แต่เขาเป็นดาราที่เคยหล่อมากเมื่อ 10 ปีก่อน พี่ก็เลยไม่แน่ใจว่าสภาพของเขาในปัจจุบันนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

HINNERK SCHONEMANN ได้เล่นใน THE LIVES OF OTHERS (2006, FLORIAN HENCKEL VON DONNERSMARCK, A+) แต่พี่ไม่ทันสังเกตว่าเขาเล่นเป็นคนไหน แต่ถ้าจำไม่ผิด เขาน่าจะเล่นเป็นคนที่พูดจาล้อเลียนท่านผู้นำเยอรมันตะวันออกในโรงอาหาร จนถูกเพื่อนพระเอกข่มขู่ว่าจะลงโทษเขา และในเวลาต่อมาเขาก็ถูกลงโทษจริงๆด้วยการถูกส่งไปทำงานแยกพัสดุจดหมายในช่วงก่อนที่กำแพงเบอร์ลินจะล่มสลาย

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าดิฉันจำถูกคนหรือเปล่า เพราะว่า HINNERK SCHONEMANN ที่ดิฉันเคยดูใน MY BROTHER THE VAMPIRE (2001, SVEN TADDICKEN, A+) นั้นดูหล่อเหลาเอาการมากๆ แต่ตัวละครตัวนั้นใน THE LIVES OF OTHERS ไม่ได้ดูหล่อแบบเปล่งประกายมากนัก ถ้าหากตัวละครสองตัวนี้แสดงโดยคนๆเดียวกันจริงๆ ก็แสดงว่า HINNERK SCHONEMANN มีความสามารถทางการแสดงจริงๆ จนทำให้ดิฉันจำเขาแทบไม่ได้เลยว่าเป็นคนๆเดียวกัน คนที่ทั้งหล่อทั้งเก่งแบบนี้น่าเอาใจช่วยมากๆเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

แต่ประหลาดใจจังว่าเมื่อ 2 ปีก่อน ดิฉันเคยพยายามหารูปของ HINNERK SCHONEMANN ทางอินเทอร์เน็ต แต่ก็หาไม่ได้ ตอนนี้ดิฉันก็ยังหารูปของเขาไม่ได้เหมือนเดิม ทำไมดาราหล่อๆอย่างเขาถึงหารูปทางเน็ตได้ยากนักนะ


คุณ FILMSICK เขียนถึงหนังเรื่อง CELINE AND JULIE GO BOATING ไว้ในลิงค์ข้างล่างนี้ค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=102.0


ขอกราบขอบพระคุณคุณ FILMSICK หนึ่งทีค่ะ ชอบมากๆค่ะกับงานเขียนชิ้นนี้

หนังฝรั่งเศสในทศวรรษ 1970 นั้น นอกจาก CELINE AND JULIE GO BOATING, EDEN AND AFTER และ INDIA SONG แล้ว หนังอีกเรื่องที่ดิฉันรู้สึกว่ามีการบิดระนาบของเรื่องเล่าได้อย่างเจ๋งเป้งมากๆ ก็คือ LE DOSSIER 51 (1978, MICHEL DEVILLE, A+) ค่ะ

รู้สึกว่า LE DOSSIER 51 จะยังหาซื้อดีวีดีไม่ได้ในประเทศไทย อย่างไรก็ดี ในกรุงเทพเคยมีดีวีดีหนังของ MICHEL DEVILLE เข้ามาขายอย่างน้อย 4 เรื่องค่ะ และแต่ละเรื่องก็มีวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ธรรมดา

ดีวีดีหนังของ MICHEL DEVILLE ที่มีขายในไทย

1.DEATH IN A FRENCH GARDEN (1985)



2.LE PALTOQUET (1986)
คุณ LUNAR ซึ่งเป็นเลขานุการิณีของคุณ FILMSICK มีดีวีดีหนังเรื่องนี้ค่ะ


3.LA LECTRICE (1988, A+)



4.ALMOST PEACEFUL (2002, A+)
ดีวีดีหนังเรื่องนี้อาจจะหาดูง่าย แต่เล่าเรื่องค่อนข้างธรรมดาที่สุดเมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆของ MICHEL DEVILLE เพราะหนังเรื่องนี้เพียงแค่เล่าเรื่องของตัวละครหลายๆตัวที่รอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่สองในสไตล์แบบหนังของ ROBERT ALTMAN


--เห็นคุณ FILMSICK ตั้งข้อสังเกตกับ “การบิดระนาบของเรื่องเล่า” วันนี้ดิฉันก็เลยลองลิสท์รายชื่อหนังที่ตัวเองชอบที่มีวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจค่ะ


1.หนังแนวเรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่า และหนังซ้อนหนัง โดยหนังหลายๆเรื่องในกลุ่มนี้ บางสิ่งบางอย่างใน “เรื่องที่ถูกเล่า” มักจะหลุดลอดออกมาข้องเกี่ยวกับชีวิตของตัวละครที่เล่าเรื่องด้วย

1.1 CELINE AND JULIE GO BOATING (1974, JACQUES RIVETTE, A+)
http://imdb.com/title/tt0071381/


1.2 THE SARAGOSSA MANUSCRIPT (1965, WOJCIECH HAS, A)
http://imdb.com/title/tt0059643/
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B00005Y6YR.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg



1.3 HOTEL (2001, MIKE FIGGIS, A+)
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B0009KA7A4.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg


1.4 TRISTAM SHANDY: A COCK AND BULL STORY (2005, MICHAEL WINTERBOTTOM, A+)
http://ec2.images-amazon.com/images/P/B000EOTFBW.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg


1.5 THE CAIMAN (2006, NANNI MORETTI, A+)


2.หนังที่เล่าเรื่องราวที่สามารถนำมาเรียงใหม่ได้เป็นเส้นตรง เพียงแต่หนังเลือกวิธีการเล่าเรื่องแบบสลับเวลาไปมา หรือเล่าเรื่องผ่านทางมุมมองของตัวละครทีละคน หนังแนวนี้มีเยอะมากๆ ตัวอย่างเช่น

2.1 RELATIVITY PLUS QUANTUM (2004, ZART TANCHAROEN, A+)

2.2 ลี้ (CHOOKIAT SAKVIRAKUL, A+)

2.3 A GIRL CALLED HERO หรือผู้ชนะ...สุดฤทธิ์ (WITCHA SUYARA, A+)

2.4 LOVEAHOLIC หรือโคตรรักเอ็งเลย (2006, พิง ลำพระเพลิง, A+)

2.5 THE POWER OF KANGWON PROVINCE (1998, HONG SANG-SOO, A+)
http://www.filmref.com/directors/dirpages/hong.html


3.หนังที่ผู้ชมไม่แน่ใจว่าส่วนไหนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับตัวละคร และส่วนไหนอยู่ในจินตนาการหรืออยู่ในความฝันของตัวละคร หรืออยู่ในความฝันของตัวละครตัวไหนกันแน่


3.1 EDEN AND AFTER (1970, ALAIN ROBBE-GRILLET, A+)

3.2 JIM (2005, TOSSAPORN MONGKOL, A+)

3.3 UNFAITHFUL WIFE: SHAMEFUL TORTURE (1992, HISAYASU SATO, A+)
http://imdb.com/title/tt0105392/

3.4 RECONSTRUCTION (2003, CHRISTOFFER BOE, A+)
http://imdb.com/title/tt0366943/

3.5 LA MOUSTACHE (2005, EMMANUEL CARRERE, A+)
http://imdb.com/title/tt0428856/
http://ec2.images-amazon.com/images/P/B000JLTS3K.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg


4.หนังที่ดูเหมือนจะประกอบด้วยเรื่องแต่งย่อยๆหลายเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันมากนัก

4.1 THE PHANTOM OF LIBERTY (1974, LUIS BUNUEL, A+)
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B0007WFYC0.01._SS500_SCLZZZZZZZ_.jpg

4.2 THE BURIED FOREST (2005, KOHEI OGURI, A+)
http://imdb.com/title/tt0461604/

4.3 OBABA (2005, MONTXO ARMENDARIZ, A+)
http://imdb.com/title/tt0397582/

4.4 A VIRUS KNOWS NO MORALS (1986, ROSA VON PRAUNHEIM, A+)
http://www.planetout.com/kiosk/popcornq/db/getfilm.html?811


4.5 THE DAY OF THE FULL MOON (1998, KAREN SHAKHNAZAROV, A+)
http://www.nitrateonline.com/1999/fsiff99-2.html#DayFullMoon




5. หนังที่เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปเรื่อยๆในการฉายแต่ละครั้ง หรือหนังที่มีความแตกต่างไปจากเดิมเรื่อยๆในการฉายแต่ละครั้ง

5.1 L’EXPERIENCE PREHISTORIQUE (2005, CHRISTELLE LHEUREUX, A+)

CHRISTELLE LHEUREUX ถ่ายหนังยาวที่ไม่มีไดอาล็อกขึ้นมาเรื่องหนึ่ง และเมื่อหนังเรื่องนี้ไปฉายที่ประเทศใด ก็จะมีคนที่ได้รับเชิญให้มาแต่งเรื่องราวประกอบหนังเรื่องนี้ โดยในตอนที่มาฉายที่ไทยนั้น คุณปราบดา หยุ่นได้เป็นผู้แต่งเรื่องราวประกอบหนังเรื่องนี้ และแต่งให้เนื้อหาของหนังเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นที่ถูกจับเป็นตัวประกันในอิรัก


5.2 CROSS REFERENCE,35:27:02N/ 139:39:36E (2005-2007, CRAIG WALSH, A+)

หนังที่มาฉายที่หอกลางจุฬาเรื่องนี้มี 3 จอ และจอหนึ่งจะเป็นใบหน้าของผู้ชมที่กำลังเดินมาดูบ้านจำลองที่ตั้งอยู่ระหว่างจอทั้ง 3 นี้ ในขณะที่อีกสองจอบันทึกภาพใบหน้าของผู้ชมที่เคยมาดูหนังเรื่องนี้ในประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นในขณะที่ มาดามเอมาดูหนังเรื่องนี้ มาดามเอก็จะได้เห็นใบหน้าของตัวเองปรากฏอยู่ในจอหนึ่งของหนังด้วย แต่พอมาดามบีมาดูหนังเรื่องนี้ มาดามบีก็จะได้เห็นใบหน้าของมาดามบีเอง หรือถ้ามาดามเอมาดูหนังซ้ำอีกรอบ มาดามเอก็จะได้เห็นหน้าของตัวเองในเวลานั้น และอากัปกิริยาของตัวเองในเวลานั้น ซึ่งต่างไปจากที่เคยดูในรอบที่แล้ว และเมื่อหนังเรื่องนี้ไปฉายในประเทศของมาดามซี มาดามซีก็จะได้เห็นใบหน้าของตัวเองในจอนึง และอาจจะได้เห็นใบหน้าของมาดามเอ หรือมาดามบีในอีกจอนึงด้วย (ไม่รู้บรรยายอย่างนี้พอเข้าใจหรือเปล่า จริงๆหนังเรื่องนี้มีอะไรซับซ้อนกว่านี้มาก แต่ขี้เกียจบรรยาย)


5.3 BETWEEN DARKNESS AND LIGHT (AFTER WILLIAM BLAKE) (2006, DOUGLAS GORDON)

หนังเรื่องนี้ฉายหนังสองเรื่องลงบนจอเดียวกัน แต่เนืองจากหนังสองเรื่องนี้มีความยาวไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นปฏิกิริยาระหว่างหนังสองเรื่องบนจอเดียวกันจึงแตกต่างกันไปเรื่อยๆในการวนฉายในแต่ละวัน เพราะในรอบแรกนั้น นาทีที่ 16 ของหนังเรื่องเอ จะตรงกับนาทีที่ 16 ของหนังเรื่องบี แต่พอหนังเรื่องเอจบ แต่หนังเรื่องบียังไม่จบ นาทีที่ 16 ในรอบที่ 2 ของหนังเรื่องเอ ก็อาจจะปรากฏตรงกับนาทีที่ 116 ในรอบแรกของหนังเรื่องบีบนจอเดียวกัน และจะเหลื่อมคลาดกันไปเรื่อยๆอย่างนี้


5.4 FOREST GROVE (2004, MAYA CHURI, A+)
http://forestgroveestates.com/
หนังทางอินเทอร์เน็ตเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักในการดูแต่ละรอบ แต่ผู้ชมบางคนอาจจะคลิกเข้าบ้านในลำดับก่อนหลังแตกต่างกันไปบ้าง บางคนอาจจะคลิกเข้าไปดูเหตุการณ์ในบ้าน C ก่อนบ้าน D แต่ผู้ชมบางคนอาจจะดูเหตุการณ์ในบ้าน D ก่อนบ้าน C เพราะฉะนั้นหนังเรื่องนี้จึงมี “ลำดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้บ้าง” ในการดูของผู้ชมแต่ละคน


6.หนังที่มีเนื้อเรื่องที่บางเบามากๆ

6.1 BEAU TRAVAIL (CLAIRE DENIS, A+)

6.2 CHASING BUTTERFLIES (1992, OTAR IOSSELIANI, A+)
http://www.filmref.com/directors/dirpages/iosseliani.html


6.3 THE CORRIDOR (1994, SHARUNAS BARTAS, A+)
http://filmref.com/journal/archives/2005/01/the_corridor_1995.html

6.4 DYING AT A HOSPITAL (1993, JUN ICHIKAWA, A+)
http://imdb.com/title/tt0202281/


6.5 OURS DOESN’T WORK (2003, IVAN WOLOVIK + NICOLAS ALVAREZ, A+)
ได้ข่าวว่าผู้กำกับอาร์เจนตินาของหนังเรื่องนี้ชื่นชม APICHATPONG WEERASETHAKUL มาก


7.หนังที่ดาราชื่อ A เล่นเป็น A
หรือเล่นเป็น “ตัวละครชื่อ A”
หรือเล่นเป็น “ตัวละครชื่อ B ที่เล่นเป็นตัวละครชื่อ A”

7.1 BEING JOHN MALKOVICH (1999, SPIKE JONZE, A+)

7.2 WES CRAVEN’S NEW NIGHTMARE (1994, WES CRAVEN, A+)


7.3 SEED OF CHUCKY (2004, DON MANCINI, A-)
http://imdb.com/title/tt0387575/


7.4 FULL FRONTAL (2002, STEVEN SODERBERGH, A+)

7.5 OCEAN’S TWELVE (2004, STEVEN SODERBERGH, A)

7.6 NOT ONE LESS (1999, ZHANG YIMOU, A+)

7.7 I AM A SEX ADDICT (2005, CAVEH ZAHEDI, A+)


8.หนังที่มีผู้บรรยายล่องหน และเสียงของผู้บรรยายในหนังหลายๆเรื่องในกลุ่มนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างเรื่องจริง, เรื่องแต่ง, หรือ “จุดยืน” ของผู้ชมที่มีต่อเหตุการณ์ในหนัง


8.1 INDIA SONG (MARGUERITE DURAS, A+)

8.2 A WALK THROUGH H: THE REINCARNATION OF AN ORNITHOLOGIST (1978. PETER GREENAWAY, A+)

8.3 RUSSIAN ARK (ALEXANDER SOKUROV, A+)

8.4 อวดดี (2003, SOMPOT CHIDGASORNPONGSE, A+)

8.5 A HALF LIFE OF CARBON 14 (2005, PUNLOP HORHARIN, A+)

8.6 NEWS FROM HOME (1977, CHANTAL AKERMAN, A+)
http://www.filmref.com/directors/dirpages/akerman.html



8.7 A PLACE AMONG THE LIVING (2004, RAOUL RUIZ, A)


8.8 LONDON (1994, PATRICK KEILLER, A)
http://imdb.com/title/tt0110377/


8.9 SANS SOLEIL (1983, CHRIS MARKER, A)

ที่ชอบ LONDON + SANS SOLEIL ในระดับแค่ A เป็นเพราะว่าทักษะการฟังของดิฉันแย่มาก ดังนั้นดิฉันจึงฟังแทบไม่ออกว่าเสียงบรรยายในหนังพูดถึงอะไรบ้าง ดิฉันได้ดูหนังสองเรื่องนี้ในเวอร์ชันที่มีเสียงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีซับไตเติลขึ้นมาให้อ่าน



9.หนังที่ก้ำกึ่งระหว่างสารคดี/เรื่องแต่ง
9.1 THE BIRTH OF SEANEMA (2004, SASITHORN ARIYAVICHA, A+)

9.2 MYSTERIOUS OBJECT AT NOON (2000, APICHATPONG WEERASETHAKUL, A+)

9.3 LIFE IS SHORT 2 (2006, TOSSAPOL BOONSINSUKH, A+)

9.4 SPECTRE: 16 YEARS LATER (2006, PRAP BOONPAN, A+)

9.5 TO INFINITY AND BEYOND (2004, SOMPOT CHIDGASORNPONGSE, A+)

9.6 SLEEPING BEAUTY (2006, CHULYANON SIRIPHOL, A+)

9.7 VACANCY (1999, MATTHIAS MUELLER, A+)

9.8 REALTIME (1983, HELLMUTH COSTARD + JUERGEN EBERT, A+)

9.9 MRS. BLACKBURN, BORN 5 JAN 1872, IS BEING FILMED (1967, ALEXANDER KLUGE, A+)
http://imdb.com/title/tt0061684/

9.10 FATA MORGANA (1971, WERNER HERZOG, A+)
http://imdb.com/title/tt0067085/

9.11 THE MIRROR (1997, JAFAR PANAHI, A+)



10. หนังที่เล่าเรื่องแต่ง แต่ไม่ได้เล่าในแบบธรรมดา อย่างเช่นหนังของ PETER GREENAWAY, DEREK JARMAN, ULRIKE OTTINGER, ALEJANDRO JODOROWSKY, PETER WATKINS

10.1 THE DEATH OF MARIA MALIBRAN (1972, WERNER SCHROETER, A+)


10.2 HITLER: A FILM FROM GERMANY (1978, HANS-JUERGEN SYBERBERG, A+)


10.3 HAUNTED HOUSES (2001, APICHATPONG WEERASETHAKUL, A+)


10.4 THE FALSE SERVANT (2000, BENOIT JACQUOT, A+)


10.5 GOLDEN SAND HOUSE (2006, CHULYANON SIRIPHOL, A+)



ตอบคุณคนมองหนัง

ไม่มีอะไรมาแลกเปลี่ยนค่ะ พอดีดิฉันเพิ่งมีเวลาอ่านจบ ก็เลยขอแวะเข้ามา
กราบคุณคนมองหนังหนึ่งทีด้วยความทึ่งมากๆ และขอขอบคุณมากๆสำหรับความรู้อะไรหลายๆอย่างที่ได้รับจากงานเขียนของคุณคนมองหนัง สิ่งที่คุณคนมองหนังเขียนส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่งที่ดิฉันไม่มีพื้นเพความรู้ทางด้านนั้นเลยค่ะ ดังนั้นก็เลยไม่รู้จะคุยอะไรดี แต่ก็ดีใจมากๆที่ได้รับความรู้จากการอ่านสิ่งที่คุณเขียน

สำหรับละครทีวีไทยที่คุณคนมองหนังกล่าวถึงนั้น ดิฉันไม่ได้ดูเลยค่ะ และก็รู้สึกตลกดีที่พบว่าตัวเองแทบไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับสงครามเก้าทัพ ลองนึกทบทวนความทรงจำตัวเองดูแล้ว พบว่าตัวเองแทบไม่เคยสนใจดูละครทีวีย้อนยุคของไทยแนวรบๆพุ่งๆเลยในวัยเด็ก ถ้าหากพูดถึงความทรงจำของตัวเองเกี่ยวกับการรบๆพุ่งๆในวัยเด็ก ตัวเองก็มักจะนึกถึงชาวฮั่น, แผ่นดินซ้อง, มองโกล, ชาวกิม หรืออะไรทำนองนี้มากกว่า เพราะตอนเด็กติดละครทีวีฮ่องกงแนวกำลังภายในค่ะ

ชอบสิ่งที่คุณคนมองหนังเขียนเกี่ยวกับ “ขุนเดช” (ดี๋ ดอกมะดัน) มากเลยค่ะ เพราะขณะที่ดิฉันดูหนังเรื่องนี้ ดิฉันก็สงสัยตอนฉากที่ขุนเดชถูกลงโทษว่าเขาทำอะไรผิดด้วยหรือ ทำไมเขาถึงถูกลงโทษหนักขนาดนั้น หรือว่าเราดูไม่ทัน, ดูแล้วไม่เข้าใจ หรือจำไม่ได้เองว่าเขาทำผิดอะไร เพราะการที่เขาไม่อยากกลับประเทศด้วย มันก็ไม่น่าจะเป็นความผิดอะไรร้ายแรงนี่นา

แต่พออ่านสิ่งที่คุณคนมองหนังเขียน ก็ทำให้เข้าใจว่าตัวเองคงไม่ได้ดูพลาดไป

ดิฉันชอบภาคแรกมากกว่าภาคสองค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่สาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ดิฉันไม่มีอารมณ์ร่วมแต่อย่างใดกับตัวละครพระราชมนูในหนังเรื่องนี้ ดังนั้นก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักกับหนังภาคสอง

ดิฉันมักจะชอบหนังโดยยึดถือการมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครเป็นหลักค่ะ และในช่วงแรกๆของปีนี้ ดิฉันก็พบว่ามีหนังอย่างน้อย 2 เรื่องที่ดิฉันไปมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครประกอบ มากกว่าตัวละครหลัก และนั่นก็เลยอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ดิฉันไม่ได้ชอบหนังเรื่องนั้นมากถึงขั้น A+ โดยหนังสองเรื่องนี้ก็คือ CURSE OF THE GOLDEN FLOWERS (A-) ที่ดิฉันมีอารมณ์ร่วมแค่กับตัวละครฮูหยินหมอหลวงเท่านั้น กับ THE QUEEN (A) ที่ดิฉันมีอารมณ์ร่วมเฉพาะกับตัวละครเชอรี่ แบลร์เท่านั้น ดิฉันก็เลยไม่ได้รู้สึกชอบหนังสองเรื่องนี้อย่างสุดๆ ทั้งๆที่หนังสองเรื่องนี้มีเนื้อหาดีมากๆ แหะๆๆ

No comments: