Tuesday, January 06, 2009

MONKEYS IN WINTER (2006, Milena Andonova, A+++++)

This is my comment in Wisekwai’s blog:
http://thaifilmjournal.blogspot.com/2009/01/review-deep-in-jungle.html

Pasin Ruengwut also played in UKKABAT (THE METEOR) (2004, Bhandit Rittakol).

-------------------------------------------


This is my comment in Screenout Webboard:
http://zaa.xq28.org/viewtopic.php?f=5&t=79&start=450

ตอบน้อง MATT

ยังไม่ได้ดู THE DEATH OF MR. LAZARESCU เลยจ้ะ แต่ท่าทางหนังเรื่องนี้จะน่าดูมากๆ หนังโรมาเนียรุ่นใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่พี่ชอบมากก็คือ 12:08 EAST OF BUCHAREST (2006, Corneliu Poromboiu, A+) พี่ตัดสินไม่ได้เหมือนกันว่าระหว่างหนังเรื่องนี้กับ 4 MONTHS, 3 WEEKS AND 2 DAYS พี่ชอบอะไรมากกว่ากัน


ตอบน้อง ZM

หวังว่าน้องคงจะชอบ LET THE RIGHT ONE IN นะคะ พี่ชอบหนังเรื่องนี้มากเหมือนกันค่ะ พี่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีบรรยากาศที่ขลังและน่ากลัวดี เพราะหนังแวมไพร์ช่วงหลังๆที่ได้ดู ไม่ใช่หนังที่ทำให้รู้สึกกลัวมากเท่าไหร่ ส่วนอันดับหนังแวมไพร์ที่ดูแล้วกลัวที่สุดในชีวิตยังคงเป็น SALEM’S LOT (ซึ่งจริงๆแล้วเป็นมินิซีรีส์)

อย่างไรก็ดี ความเห็นของพี่ที่มีต่อ LET THE RIGHT ONE IN อาจจะแตกต่างไปจากความเห็นของเพื่อนๆบางคน เพราะเพื่อนบางคนชอบความโรแมนติกของหนังเรื่องนี้ แต่พี่ไม่ได้รู้สึกอินไปกับความโรแมนติกของหนังเรื่องนี้ ส่วนเพื่อนบางคนก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแวมไพร์ในหนังเรื่องนี้ เพราะคนดูส่วนใหญ่อาจจะ identify ตัวเองกับพระเอกของเรื่อง ซึ่งไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจากแวมไพร์แต่อย่างใด แต่พี่ดูแล้วรู้สึกกลัวแวมไพร์ในหนังเรื่องนี้มาก เพราะพี่ไม่ได้ identify ตัวเองกับพระเอกของเรื่อง แต่ identify ตัวเองกับตัวละครประกอบของเรื่องมากกว่า คือขณะที่พี่ดูหนังเรื่องนี้ พี่จินตนาการว่าตัวเองเป็นคนเดินถนนธรรมดาๆที่อาจตกเป็นเหยื่อแวมไพร์ได้ทุกเมื่อ แทนที่จะจินตนาการว่าตัวเองเป็นพระเอกของเรื่อง

ไม่รู้ว่ามีเพื่อนๆคนไหนที่เคยมีประสบการณ์ดูหนังอย่างนี้บ้าง นั่นคือการ identify ตัวเองกับตัวละครประกอบมากกว่าตัวละครหลัก ส่วนตัวดิฉันเองนั้น มักจะรู้สึกอย่างนี้บ่อยๆ เพราะหนังหลายๆเรื่องมีตัวละครพระเอก/นางเอกที่ดิฉันไม่สามารถ identify ตัวเองด้วยได้

แต่หนังบางเรื่องที่ดิฉันสามารถ IDENTIFY ตัวเองกับตัวละครนางเอกได้ ก็จะกลายเป็นหนังที่ดิฉันชอบมากๆ ถึงแม้หนังเรื่องนั้นๆอาจจะไม่ได้มีคุณค่าทางศิลปะมากนักก็ตาม ตัวอย่างหนึ่งก็คือหนังเรื่อง MONKEYS IN WINTER (2006, Milena Andonova, Bulgaria, A+) ซึ่งเล่าเรื่องราวชีวิตบัดซบของสาวสามคนที่อาศัยอยู่ในบัลแกเรียในต่างยุคสมัยกัน คนหนึ่งอาศัยอยู่ในยุค 1960, อีกคนอยู่ในยุค 1980 และอีกคนอยู่ในยุค 2000 โดยตัวดิฉันนั้นรู้สึกผูกพันกับนางเอกในยุค 1960 กับ 1980 มากพอสมควร

ตัวละครนางเอก 2 คนแรกใน MONKEYS IN WINTER เป็นตัวละครที่เผชิญปัญหาชีวิตโดยที่ดิฉันรู้สึกว่าพวกเธอไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด ตัวละครสองตัวนี้อาจจะตัดสินใจผิดพลาดในชีวิต แต่เป็นความผิดพลาดเพราะพวกเธอไม่รู้อนาคตล่วงหน้า (ว่าถ้าหากเลือกทางเดินแบบนี้ แล้วจะเจอความซวยในอนาคต) ไม่ใช่เป็นเพราะว่าพวกเธอตัดสินใจอย่างโง่ๆ ดิฉันก็เลยรู้สึกสงสารตัวละครสองตัวนี้มาก เพราะดิฉันคิดว่าถ้าหากดิฉันตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกเธอ ดิฉันก็อาจจะเลือกทางเดินชีวิตผิดพลาดเหมือนพวกเธอเช่นกัน ก็คนเราไม่รู้อนาคตนี่เนอะ

ตัวละครนางเอกในยุค 1960 เป็นสาวยิปซีที่ต้องเลี้ยงลูกๆตามลำพัง เพราะเธอถูกสามีทิ้ง เธอพยายามหาผัวดีๆคนใหม่ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ผู้ชายดีๆไม่เอาเธอ เธอประสบภาวะอัตคัดขัดสนข้นแค้นอย่างมากๆ ในที่สุดเธอก็เลยต้องเลือกทางเดินชีวิตที่จะทำให้เธอกับลูกๆไม่ต้องอดตาย นั่นก็คือแต่งงานกับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง แต่ผลปรากฎว่าชายวัยกลางคนคนนั้นพยายามลวนลามลูกสาวของเธอ เธอก็เลยฆ่าเขาตาย

ส่วนตัวละครนางเอกในยุค 1980 เป็นตัวละครที่ดิฉันอินมากๆ เพราะรู้สึกว่าเธอโดนชะตาชีวิตกลั่นแกล้งอย่างรุนแรง เธอเป็นนักกฎหมายที่เพิ่งเรียนจบ และถูกสั่งให้ไปทำงานในชนบทหลังเรียนจบ ช่วงนั้นบัลแกเรียยังอยู่ในยุคคอมมิวนิสต์ เธอก็เลยคงไม่ค่อยมีอิสระในการเลือกงานมากนัก เธอไม่อยากไปอยู่ชนบท และพยายามทุกวิถีทางที่จะได้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ต่อไป และในที่สุด เธอก็ตัดสินใจใช้วิธีแต่งงานกับผู้ชายในเมืองใหญ่ แต่การจะหาผัวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เธอก็เลยร่วมรักกับหนุ่มปัญญาอ่อนคนนึง โดยหวังว่าพอเธอตั้งครรภ์กับหนุ่มปัญญาอ่อนคนนี้แล้ว แม่ของหนุ่มปัญญาอ่อนก็จะต้องจำใจอนุญาตให้เธอแต่งงานกับเขา

อย่างไรก็ดี หลังจากเธอตั้งครรภ์ เธอก็กลับพบรักกับหนุ่มฝรั่งเศส ผู้ชายคนนี้สามารถทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นอย่างมากๆ ได้ แต่เธอพบเขาเมื่อสายไปแล้ว เพราะเธอได้ตั้งครรภ์กับผู้ชายคนอื่นแล้ว

ดิฉันดูเนื้อหาตรงจุดนี้แล้วรู้สึกสะเทือนใจมากๆ ค่ะ เพราะดิฉันรู้สึกว่าหลายครั้งชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้ เรามักจะได้สิ่งที่เราต้องการก็ต่อเมื่อมันสายไปแล้ว ดิฉันรู้สึกว่านางเอกคนที่สองไม่ได้ตัดสินใจแตกต่างจากดิฉันแต่อย่างใด ถ้าหากดิฉันเป็นเธอ ดิฉันก็คงจะตัดสินใจแบบเดียวกับเธอ นั่นก็คือพยายามจับผู้ชายบัลแกเรียไว้ก่อน ก็เราไม่รู้นี่นาว่าจะมีผู้ชายฝรั่งเศสก้าวเข้ามาในชีวิตของเราในอนาคต

ดิฉันชอบหนังที่นางเอกตัดสินใจแบบเดียวกับดิฉันค่ะ ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้อาจเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในหนังที่มีคุณค่าทางศิลปะบางเรื่อง โดยเฉพาะหนังคลาสสิคของญี่ปุ่นบางเรื่อง ดิฉันมักจะรำคาญนางเอกญี่ปุ่นในหนังบางเรื่องมากๆ เพราะนางเอกพวกนี้มักจะ “มีผู้ชายหล่อๆมาให้งาบ แต่ก็ปฏิเสธผู้ชายหล่อๆเหล่านี้ไป” ซึ่งการที่นางเอกในหนังญี่ปุ่นเหล่านี้ตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตในแบบที่แตกต่างจากดิฉัน ก็เลยทำให้ดิฉันไม่อินกับหนังเหล่านี้มากนัก


--------------------------------------

This is my comment in Merveillesxx’ blog:
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=merveillesxx&month=12-2008&date=30&group=2&gblog=53

พูดถึงสมองซีกซ้าย ซีกขวาแล้ว ทำให้นึกถึงบทความที่เพิ่งอ่านเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชื่อว่า UNLEASHING CREATIVITY คิดว่าบทความนี้น่าสนใจดี ถ้าใครสนใจก็อ่านได้ที่
http://www.sciam.com/article.cfm?id=unleashing-creativity

“Consider a poem. When an individual reads it, his left hemisphere analyzes the sequence of letters and integrates them into words and sentences, following the logical laws governing written language. It checks for grammatical and morphological meaning and grasps the factual content. But the right hemisphere interprets a poem as more than a string of words. It integrates the information with its own prior ideas and imagination, allows images to well up, and recognizes overarching metaphorical meaning”

รู้จักบทความนี้จาก blog ของคุณ Jennifer MacMillan

http://invisiblecinema.typepad.com/invisible_cinema/

No comments: