Sunday, February 23, 2014

Warit Buranapattama's comments on Rashidi's film and Ariyavicha's film


อันนี้เป็นสิ่งที่คุณ Warit Buranapattama เขียนถึงหนังสองเรื่องที่ฉายในวันนี้ครับ

 


*

 

ตัวหนังสือที่ปรากฏขึ้น

 หลังจากดูหนังทดลองสองเรื่องนี้

 

HSP: THERE IS NO ESCAPE FROM THE TERRORS OF THE MIND

 (2013, Rouzbeh Rashidi, Ireland, 120 min)

 

เหมือนการนั่งดูความทรงจำของหน้ากาก

 

 เต็มไปด้วยภาพที่ปรากฏในหัวใครบางคน

 เหมือนยกภาพในหัวออกมาให้เราดู

 สะเปะสะปะผสมผสานมั่วซั่ว

 ไร้เรื่องราว

 

 ตั้งใจจะมาดูภาพที่น่าสนใจ

 และก็ได้พบหลายภาพที่น่าสนใจ

 ยิ่งฉากตอนต้น แสงสวยของช่องขายตั๋วหนัง ?

ตัดไปที่พัดลมเพดาน หมุน หมุน หมุน

 การซ้อนทับกันของภาพสองภาพนี้

 ชวนให้เรานึกว่ามันคือการมองเพดานในห้อง

 และนอนคิดถึงภาพในความทรงจำเพียงลำพัง

 

 ชายคนนั้นนั่งเงียบในช่องทางซ้าย

 ชายคนนั้นพร่ำพูดในช่องทางขวา

 แรกนั้นเรารู้สึกเหมือนทางซ้ายคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

 เขานั่งเงียบเงียบ หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมใส่

 ขณะที่เขาในช่องทางขวาพร่ำพูดเสียงที่ดังในใจออกมา

 แต่มันอาจจะกลับกันก็ได้ เขากำลังนั่งพูดพร่ำ ขณะที่คิดถึงตนเองนั่งเงียบๆและหยิบหน้ากากมาสวม

 หรือมันอาจเกิดขึ้นจริงทั้งคู่ก็ได้ แค่เราเห็นมันพร้อมกัน

 หรือไม่มีอะไรจริงเลย

 

 มันเต็มไปด้วยภาพปรากฏ

 คนเดินผ่านสุสาน

 หญิงสาวเดินไปเดินมา

 ชายหนุ่มนั่งบนก้อนหิน

 เรื่องราวที่เหมือนไม่มีเรื่องราว

 ของผู้คนที่ไม่น่าจะได้รับการกล่าวถึงในเรื่องเล่าทุกเรื่อง

 พวกเขาอาจเป็นแค่วิญญาณที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งบนโลกใบเดียวกันกับเรานี้

 หรือเหล่าดวงวิญญาณหลงทางในความฝัน ใช่มันเหมือนภาพฝัน

 เดินเชื่องช้า นั่งนิ่ง คิดทบทวน มองกล้องพูดคนเดียว

 การมองในความเงียบที่เหมือนระลึกนึกถึงอะไรบางอย่างในใจ

 เหมือนการทบทวนความทรงจำก่อนที่จะลาจากไปสู่การเริ่มต้นใหม่

 อยู่ระหว่างโลกนี้กับโลกหน้า

 ก่อนจะเกิดใหม่ได้เจ้าจะต้องวางทุกความทรงจำเอาไว้

 ทุกคนคิดทบทวน และยังคงเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่บนโลกที่ไม่รู้จักใครและไม่มีใครรู้จัก

 เราเริ่มใส่เรื่องเล่าของเราเองลงไปซะแล้ว

 ไอ้หนุ่มแว่นพร่ำพูดถึงความเหงากับหน้ากล้อง

 ภาพซ้อนทับสิ่งอื่นดำเนินไป

 ชอบการทับซ้อนของภาพที่เกิดขึ้น

 กับการออกไปจากการตั้งใจจะเล่าเรื่อง

 แต่เราได้พบการเล่าแบบคร่าวๆ มันคือเรื่องเล่าที่ไม่ได้เล่าเรื่อง

 

 ในฐานะวัตถุดิบ เหมือนได้พบส่วนประกอบมากมาย ที่สามารถนำมาประกอบเป็นเรื่องเล่า

 เหมือนไปตลาด และซื้อของกลับมา ในหนังเต็มไปด้วยของมากมาย

 ผู้กำกับทำอาหารที่ไม่มีในเมนูไหนให้พวกเราได้ดู และต่างจินตนาการรสกันไป

 เค้าให้เราดูแต่วัตถุดิบ และการปรุง เพลงที่เปิดขณะทำอาหาร ภาพความคิดขณะที่ทำอาหาร

 เหมือนจะเป็นเช่นนั้น

 ภาพเคลื่อนไหวในความทรงจำของเรื่องราวที่เหมือนไม่มีความทรงจำจะนำไปเล่าต่อให้ใครฟัง

 เหมือนจะมีความงามอยู่ แต่รับรู้ได้แต่ผู้ที่ได้ดู และไม่อาจถ่ายทอดด้วยการกล่าวถึงได้

 มันส่งต่อกันในแบบที่มิอาจกล่าวถึงด้วยเรื่องเล่า

 เหมือนมีแต่การดูมันเท่านั้น สภาวะการรับชมกลายเป็นความหมายที่มีความสำคัญสูงสุด

 ไม่มีเรื่องให้เล่าสปอยด์

 เต็มไปด้วยส่วนที่คล้ายจะเป็นเรื่องเล่า แต่เราต่างต้องเชื่อมโยง หรือมโนกันไปเอง

 

 เหมือนมีความหมาย

 ของสิ่งที่คุณพยายามจะอธิบาย

 ด้วยคำอธิบาย

 แต่ความหมายทั้งหมดนั้น

 อยู่นอกเหนือไปจากคำอธิบายของคุณ

 

0.

 

เราไม่มีวันรับรู้

 ความคิดของก้อนหินได้

 ด้วยการบอกว่ามันคิดอะไรอยู่

 

1.

 

เก้าอี้

 ที่คุณเคยนั่ง

 กำลังคิดถึงคุณอยู่

 

2.

 

คนที่คุณเคยรัก

 กำลังคิดถึง

 ความรักของคุณ

 

 ภาพชายหนุ่มที่เดินลำพัง กับ หญิงสาวที่เดินลำพัง

 มาพบกันร่วมสถานที่ และเดินไปด้วยกัน ไม่มีการจับมือกันเดินไป แต่เดินไปข้างๆกัน

 คล้ายจะมีเรื่องราว

 แต่แล้วเขาก็เดินนำหน้าเธอแบบหันหน้าเข้าหาเธอ

 และเดินถอยหลังพร้อมทั้งสวมหน้ากากซะนี่

 มันเหมือนกับพวกเขาต่างคนต่างเดินไป

 แบบแปลกประหลาด

 

BIRTH OF THE SEANEMA

 (2004, Sasithorn Ariyavicha, Thailand, 70min, silent, black and white)

 

ภาพงาม บางภาพดูหยั่งกะไม่ได้ถ่ายในไทย ขณะที่บางภาพก็ไทยมากๆ

 อักขระแปลกงาม

 

 ได้พบกับความเงียบของทะเล

 และเสียงที่เราต้องอ่านในใจ

 ความงามของผู้คนที่นั่งเงียบเงียบ

 อ่านตัวหนังสือปรากฏให้ดังในใจเงียบเงียบ

 ภาพขาวดำที่เคลื่อนไป

 

 จากตัวหนังสือบรรยายที่มีทั้งภาษาอังกฤษและอักขระแปลกงาม

 แต่ละฉาก เป็นเหมือนเศษชิ้นส่วน ของความทรงจำ ไม่ปะติดปะต่อ

 

.

 

ชอบ

 

 การเกลื่อนกลืนกลายกันของภาพซ้อนรวม จากภาพหนึ่ง ไปสู่ อีกภาพหนึ่ง

 การไม่ยัดเรื่องใส่เข้าไปในภาพที่อยากจะให้ปรากฏเช่นนี้

 เทคนิคแสงกะพริบสวยดี

 

 ถ้าจะให้จำกัดความหนังว่า หนังทดลอง

 เรารู้สึกเหมือนได้พบกับอาณาเขตของคำว่า อื่นๆ ในแบบสอบถาม

 สำหรับทั้งสองเรื่อง

No comments: