Tuesday, September 08, 2015

SO VERY VERY (2014, Park Je-Wook, South Korea, A+20)

SO VERY VERY (2014, Park Je-Wook, South Korea, A+20)

SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
--เป็นหนังผัวเมียละเหี่ยใจที่ทำออกมาได้จริงดี เราว่าตัวพระเอกดูจริงมากๆ ดูเป็นมนุษย์จริงๆที่มีทั้งข้อดีข้อเสียในตัวเอง และเป็นคนที่ไม่สามารถแก้ไขข้อเสียของตัวเองได้ เหมือนเขารู้ทั้งรู้น่ะแหละว่าอะไรคือข้อเสียของตัวเอง แต่เขาก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้ และเราว่าอะไรแบบนี้นี่แหละที่มันโดนใจเรา

--แต่เราก็อาจจะไม่ได้ชอบถึงขั้น A+30 นะ เพราะถึงแม้ว่าหนังประสบความสำเร็จในการทำให้ตัวละครดูเป็นมนุษย์มากๆ แต่มันก็อาจจะไม่ได้ลึกซึ้งถึงขั้นจิตวิญญาณ หรือเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนมากๆน่ะ แต่เท่าที่ทำออกมาได้แค่นี้เราก็พอใจมากๆแล้วแหละ

--ดูแล้วทำให้นึกถึง SAUDADE (2011, Katsuya Tomita, Japan, A+30) นิดนึงนะ ในแง่ที่เป็นหนังเกี่ยวกับสาวไทยในต่างแดนเหมือนกัน แต่เราว่า SAUDADE เหนือชั้นกว่าเยอะ เพราะประเด็นของ SAUDADE มันใหญ่กว่า หนังก็สลับซับซ้อนกว่ามาก และหนังก็เอาผู้หญิงไทยจริงๆมาเล่นเป็นผู้หญิงไทยด้วย ทุกอย่างมันก็เลยออกมาค่อนข้างดีมากในสายตาของเรา ส่วน SO VERY VERY เป็นหนังที่ตั้งเป้าไว้ต่ำกว่า SAUDADE มากๆ เพราะหนังจงใจเล่าเพียงเรื่องของคู่รักคู่เดียว และไม่ได้ต้องการสะท้อนสภาพสังคมในวงกว้าง

--เราว่า SO VERY VERY เลือกคนที่มาเล่นเป็นพระเอกได้เหมาะมากๆ คือเป็นผู้ชายที่ดูผิวเผินแล้วเหมาะกับการเป็นผัวมากๆ เพราะเขาดูอบอุ่นมากๆๆๆๆๆ ไม่ได้หล่อมากเกินไป แต่มีเสน่ห์อะไรบางอย่างที่น่ารักมากๆ

--แต่ถ้าหากเราเป็นนางเอก เราก็คงตัดสินใจแบบเดียวกับนางเอกน่ะแหละ เพราะถ้าหากเลือกระหว่าง “ผัว” กับ “ปัจจัย 4” กูก็เลือก “ปัจจัย 4” ค่ะ กูไม่เลือกผัว เพราะถ้าไม่มีปัจจัย 4 กูก็อดตายน่ะค่ะ

--การที่ไม่ได้เอาผู้หญิงไทยจริงๆมาเล่นเป็นคนไทย มันทำให้หนังดูติดๆนิดนึงนะในสายตาคนไทย แต่เราว่าฉากที่ดูแล้วมีปัญหาสำหรับเรา ก็คือฉากที่นางเอกคิดถึงชีวิตในอดีตที่เมืองไทย แล้วมันเป็นฉากนั่งเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นโบสถ์วัดอรุณหรืออะไรทำนองนี้น่ะ

คือเราสงสัยว่า คนไทยในต่างแดน เวลาคิดถึงเมืองไทย ภาพโบสถ์วัดอรุณมันคือภาพที่ผุดขึ้นมาในหัวอย่างนั้นหรือ เราว่าภาพโบสถ์วัดอรุณมันดูเป็นภาพจำของนักท่องเที่ยวที่มาเมืองไทยมากกว่า

--ฉากสำเร็จความใคร่ในหนังเรื่องนี้เราชอบสุดๆในระดับ A+30 เลย เราชอบที่กล้องตั้งนิ่งๆเป็น long take แล้วปล่อยให้พระเอกแสดงไปเรื่อยๆ เราว่าฉากนี้นี่ทรงพลังในแบบที่ทำให้นึกถึงหนัง Mike Leigh เลยนะ ฉากนี้ถือเป็นหนึ่งในฉากที่เราชอบมากที่สุดในปีนี้เลย

--ดูแล้วนึกถึงหนังที่ชอบสุดๆอีกเรื่องนึงคือ CEREMONY (2010, Max Winkler) ในแง่ที่ว่ามันเป็นหนังรักที่ตัวละครดูเป็นมนุษย์มากๆเหมือนกัน และหนังก็จริงใจกับความเป็น loser ของพระเอกมากๆ และไม่ยอมมอบตอนจบแบบโกงๆให้กับเรา คือเราว่าตอนจบของ CEREMONY มัน “เจ็บแต่จริง” ดี ส่วน SO VERY VERY นี้ ตอนจบมันดูปลายเปิดหน่อยๆ แต่เราว่าหนังโดยรวมๆมันก็ให้อารมณ์ “เจ็บแต่จริง” เหมือนกัน


--แต่ถ้าหากจะทำหนังแนว “คู่รักคนจน” ให้เราชอบสุดๆในระดับ A+30 อาจจะต้องดูเรื่อง TO HAVE (OR NOT) (1995, Laetitia Masson) เป็นตัวอย่าง เราว่าเรื่องนี้นอกจากตัวละครจะดูเป็นมนุษย์และสมจริงแล้ว มันยังมี graceful touch หรือ poetic touch อะไรบางอย่างที่มันสุดๆมาก คือเราว่าหนังอย่าง TO HAVE (OR NOT) นี่แหละที่มันลงลึกถึงขั้นจิตวิญญาณของตัวละคร แต่ SO VERY VERY ทำได้ดีพอตัวแล้วแหละ แต่ยังขาดอีกขั้นนึงถึงจะกลายเป็นหนังที่ติดอันดับประจำปีของเราได้

No comments: