Saturday, October 24, 2015

VANISHING POINT (2015, Jakrawal Nilthamrong, A+30)

VANISHING POINT (2015, Jakrawal Nilthamrong, A+30)

ยกให้เป็นหนังที่ทำให้เรารู้สึกพิศวงมากที่สุดเท่าที่ได้ดูในปีนี้ โดยสามารถเอาชนะ NUDE AREA (2014, Urszula Antoniak), LUKAS THE STRANGE (2013, John Torres), HOW TO DISAPPEAR COMPLETELY (2013, Raya Martin) และ JAUJA (2014, Lisandro Alonso) ไปแล้ว ในฐานะหนังที่ทำให้เรารู้สึกพิศวงมากที่สุดเท่าที่ได้ดูในปีนี้ แต่ไม่ได้หมายถึงชอบมากที่สุดนะ เพราะเราชอบ NUDE AREA มากกว่า

ชอบมากที่มีคนกล้าทำหนังพิศวงมากๆแบบนี้ออกมา ชอบการเคลื่อนกล้องในฉากพระเล่าความฝัน กับฉากที่ถ่ายโขดหินอะไรสักอย่างกลางป่ามากๆ โขดหินนั้นดูแล้วนึกถึง PICNIC AT HANGING ROCK (1975, Peter Weir) ด้วย

หนังอีกเรื่องนึงที่นึกถึงมากๆขณะดูหนังเรื่อง VANISHING POINT คือหนังฝรั่งเศสเรื่อง WE WON’T GO THERE TO DIE (2011, Jean Berthier, A+30) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพ่อแม่ลูกที่ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ระหว่างที่ขับรถอยู่บนทางหลวงในต่างจังหวัด รถยนต์ของพวกเขาก็รับคลื่นสถานีวิทยุจากโลกอนาคตได้ และสถานีวิทยุนั้นก็รายงานข่าวว่า รถของพ่อแม่ลูกครอบครัวนี้จะคว่ำตายหมดทั้งคันรถ พ่อแม่ลูกครอบครัวนี้ก็เลยต้องตัดสินใจว่า “จะเดินทางต่อไปหรือไม่” และหนังฝรั่งเศสเรื่องนี้ก็มีตอนจบที่พิศวงงงวยช่วยไม่ได้มากๆ แต่ทำให้เรารู้สึก “ปลงตกกับชีวิต” อย่างรุนแรงมากๆ เราก็เลยยกให้ WE WON’T GO THERE TO DIE กลายเป็นหนึ่งในหนังที่เราชอบมากที่สุดในชีวิตไปเลย


สรุปว่า ไม่ขอเล่าอะไรใน VANISHING POINT นะ เพราะเราไม่ทราบชีวิตอะไรอีกต่อไป จบ

No comments: