Tuesday, February 16, 2016

CARTEL LAND (2015, Matthew Heineman, documentary, A+30)

CARTEL LAND (2015, Matthew Heineman, documentary, A+30)

เป็นหนังที่ดูมานานหลายสัปดาห์แล้ว จนลืมรายละเอียดทุกอย่างไปหมดแล้ว แต่ขอบันทึกความรู้สึกส่วนตัวเล็กๆน้อยๆเท่าที่จำได้เอาไว้แล้วกัน โดยจะไม่เน้นเขียนถึงอะไรที่คนอื่นๆเขียนถึงไปหมดแล้ว 555

1.ไม่รู้มาก่อนว่าเหตุการณ์ในเม็กซิโกมันจะเลวร้ายขนาดนี้ คือจากที่เราเคยดูมินิซีรีส์เรื่อง DRUG WARS: THE CAMARENA STORY (1990, Brian Gibson) หรือหนังอย่าง SAVAGES (2012, Oliver Stone), THE COUNSELOR (2013, Ridley Scott, A+30) และ SICARIO (2015, Denis Villeneuve, A+30) เราก็จะนึกว่า แก๊งค้ายาเม็กซิโกมันต่อสู้กับตำรวจและแก๊งค้ายาด้วยกันเองเป็นหลักน่ะ แต่พอมาดูสารคดีเรื่องนี้ เราถึงรู้ว่ามันทำตัวเป็นมาเฟียเรียกค่าคุ้มครอง และไล่ฆ่าชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยเลย โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มันจับเด็กฟาดจนตายเพียงเพราะไม่มีคนจ่ายค่าคุ้มครองให้มันนั้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาในชีวิต คือคนจนที่อยู่เฉยๆ ชีวิตก็ลำบากอยู่แล้ว อยู่ดีๆก็ถูกฆ่าโหดทั้งครอบครัว เพียงเพราะไม่มีคนจ่ายค่าคุ้มครอง นี่มันคืออะไรที่เลวร้ายมาก

2.เราก็เลยชอบมากๆที่สารคดีเรื่องนี้ทำให้เรามอง vigilantes เป็น สีเทาน่ะ เพราะก่อนที่เราจะดูสารคดีเรื่องนี้ เรามักจะมอง vigilantes เป็นสีดำสนิท โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง vigilantes ในไทยและที่เห็นในหนังฟิลิปปินส์ แต่จริงๆแล้วทุกอย่างมันมีข้อยกเว้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป

ในส่วนของ vigilantes ในเม็กซิโกนั้น เราค่อนข้างเข้าใจพวกเขานะ 555 คือถ้าเราเป็นชาวบ้านในรัฐนั้นที่เจอสถานการณ์แบบนั้น เราก็คงมีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะเข้าร่วมขบวนการด้วย เพราะถ้าหากเลือกว่าอยู่ดีๆก็ถูกมาเฟียฆ่าตาย กับลุกขึ้นตบมันแล้วถูกมาเฟียฆ่าตาย เราก็ขอเลือกอย่างที่สองดีกว่า ไหนๆจะตายทั้งทีก็ขอตบมันก่อน

แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้มองภาvigilantes ในเม็กซิโกเป็นสีขาวหรือมองพวกเขาเป็นวีรบุรุษ แต่ในเมื่อชีวิตไม่ได้มอบทางเลือกของ การอยู่เฉยๆอย่างสงบสุขให้กับเรา เราก็เข้าใจว่าทำไมบางคนจึงเลือกทางเดินแบบในหนังเรื่องนี้

3.ชอบมากๆด้วยที่หนังแสดงให้เห็นถึงข้อเสียต่างๆของ vigilantes ในเม็กซิโกน่ะ ทั้งความเป็นไปได้ในการกล่าวหาผู้บริสุทธิ์ว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด และการเข้ามาเป็นมาเฟียเสียเอง

จริงๆแล้วประเด็นนี้ทำให้นึกถึงประเด็นที่เราชอบสุดๆในหนังสยองขวัญเรื่อง GALLOWS HILL (2013, Victor García, A+25) ด้วยนะ คือหนังสยองขวัญเรื่องนี้ใช้ฉากหลังเป็นประเทศโคลอมเบีย และบทสนทนาของตัวละครในช่วงต้นเรื่องมีการพาดพิงถึงการที่สหรัฐอเมริกาชอบเข้าไปก้าวก่ายกิจการของประเทศอื่นๆ และหลังจากนั้นหนังก็นำเสนอเรื่องราวของปีศาจร้ายที่สิงร่างมนุษย์ แต่ถ้าหากใครฆ่ามนุษย์คนนั้น ปีศาจร้ายนั้นก็จะเข้าสิงคนฆ่า และเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย 

เราไม่รู้ว่าหนังเรื่อง GALLOWS HILL ตั้งใจสื่อประเด็นนี้หรือเปล่า แต่หนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึงความจริงที่ว่า หลายๆครั้งคนที่เข้ามาแก้ปัญหาความรุนแรงอะไรสักอย่าง หลังจากเขาแก้ปัญหานั้นได้สำเร็จ อีกไม่นานต่อมาเขาก็มักจะกลายสภาพเป็นคนก่อความรุนแรงคนใหม่แทน เหมือนกับปีศาจที่ออกจากร่างมนุษย์คนหนึ่งไปสิงฆาตกรคนใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มมูจาฮิดีนที่ขับไล่โซเวียตออกไปจากอัฟกานิสถาน แต่การขับไล่โซเวียตออกไปกลับทำให้เกิดตาลีบันตามมา และอัฟกานิสถานก็ยิ่งตกต่ำหนักกว่าเดิมอีก

หรือถ้าหากเราดูหนังอย่าง I AM CUBA (1964, Mikhail Kalatozov) เราก็จะรู้สึกว่ากองกำลังของฟิเดล คาสโตรทำถูกต้องแล้วที่ไล่ปีศาจร้าย (สหรัฐอเมริกา) ออกไปจากคิวบา แต่พอเราดูหนังอย่าง IMPROPER CONDUCT (1984, Néstor Almendros + Orlando Jiménez Leal), BEFORE NIGHT FALLS (2000, Julian Schnabel) และTHE LOST CITY (2005, Andy Garcia) เราก็อาจจะสงสัยว่ารัฐบาลของคาสโตรได้กลายไปเป็นปีศาจร้ายตัวใหม่แทนที่อเมริกาไปแล้วหรือเปล่า

หรือหนังเกี่ยวกับเยอรมันตะวันออกหลายเรื่องก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่า ถึงแม้นาซีที่เป็นปีศาจที่เลวร้ายที่สุดถูกสังหารไปแล้ว โซเวียตที่เข้ามาขับไล่นาซี ก็ไม่ได้เป็นเทวดาแต่อย่างใด โซเวียตเป็นเพียงแค่ปีศาจที่เลวร้ายน้อยกว่านาซีเท่านั้นเอง

กลุ่ม vigilantes ในเม็กซิโกก็ทำให้เรานึกถึงอะไรแบบนี้เหมือนกัน มันเป็นความจริงที่น่าเศร้าของโลกใบนี้ที่ในหลายๆครั้งและในหลายๆสถานการณ์ เราไม่สามารถเลือกได้ระหว่างเทวดากับปีศาจ เราเลือกได้แต่เพียงว่าปีศาจตัวไหนเลวร้ายน้อยที่สุดเท่านั้น

กลุ่ม vigilantes ในเม็กซิโกอาจจะเลวร้ายน้อยกว่าแก๊งมาเฟียที่สังหารหมู่ชาวบ้าน แต่มันก็เหมือนกับอีกหลายๆเหตุการณ์ข้างต้น เพราะถ้าหากเราไม่ระวังให้ดี ปีศาจก็มักจะเข้าสิงใครก็ตามที่ถืออาวุธ และมักจะเข้าสิงใครก็ตามที่มองว่าตัวเองเป็น วีรบุรุษผู้ฆ่าปีศาจ

4.ในส่วนของ vigilantes ในชายแดนสหรัฐนั้น เราชอบส่วนนี้มากๆนะ ถึงแม้หลายคนจะไม่ชอบส่วนนี้ก็ตาม เพราะเหตุผลคล้ายกับข้อข้างต้นในแง่ที่ว่า มันเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อ vigilantes นั่นแหละ คือแทนที่เราจะมองว่า vigilantes เป็นอะไรที่เลวสนิท 100% เต็ม เราก็อาจจะมองว่าเขายังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง และอาจจะมีอะไรคล้ายๆเราด้ว

จริงๆแล้วเรารู้สึกสนใจตัว vigilante ในสหรัฐมากๆด้วยแหละ ตั้งแต่ตอนที่เขาบอกว่าเขาหนีออกจากบ้านตอนอายุ 15 ปีเพราะเขาทนอยู่กับพ่อของตัวเองไม่ได้อีกต่อไป คือพอได้ฟังประวัติของเขาแบบนี้ เราก็รู้สึกสนใจเขาขึ้นมาทันที

แต่เราก็สงสัยนะว่า จริงๆแล้วสิ่งที่ vigilantes หลายคนๆทำตรงบริเวณพรมแดนสหรัฐ อาจจะมีอะไรที่เลวร้ายกว่าที่ปรากฏในหนังอีกเยอะก็ได้ เพียงแต่ว่า vigilantes เลวๆก็คงไม่ให้สัมภาษณ์ในหนังเรื่องนี้หรอก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏในหนังสารคดีเรื่องนี้ จึงเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น และเป็นเพียงส่วนที่ดีที่สุดที่ปรากฏออกมาเท่านั้น แต่ส่วนที่เลวร้ายจริงๆมันอาจจะไม่ได้ปรากฏออกมาในหนังเรื่องนี้ 

ในส่วนของ vigilantes ในสหรัฐนั้น เราเดาว่าหนังเรื่อง DESIERTO (2015, Jonás Cuarón) ที่นำแสดงโดย Gael García Bernal ในบทของผู้อพยพชาวเม็กซิโก น่าจะนำเสนอ vigilantes ในมุมมองที่ตรงข้ามกับ CARTEL LAND อย่างสิ้นเชิง เราก็เลยมองว่าคุณค่าของ CARTEL LAND มันอยู่ตรงนี้ด้วยแหละ ในแง่ที่มันช่วยนำเสนอประเด็นประเด็นหนึ่งในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งต่างจากแง่มุมที่ปรากฏในหนังเรื่องอื่นๆ

No comments: