Wednesday, April 26, 2017

I AM NOT MADAME BOVARY (2016, Feng Xiaogang, China, A+30)

I AM NOT MADAME BOVARY (2016, Feng Xiaogang, China, A+30)

กูเกลืยดตัวละครนางเอกหนังเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 5555 เพราะฉะนั้นเราไม่ขอเขียนถึงองค์ประกอบอื่นๆที่ดีงามในหนังเรื่องนี้นะ เพราะหลายคนเขียนถึงไปแล้ว ทั้งเฟรมภาพที่แปลกตา, การจัดองค์ประกอบภาพที่งดงามสุดๆ, ดนตรีประกอบที่ unique, การสร้างระยะห่างระหว่างตัวละครกับผู้ชม และเนื้อเรื่องที่นำระบบราชการมานำเสนอได้อย่างสนุกสนาน คือคนอื่นๆเขียนถึงอะไรพวกนี้ได้ดีกว่าเรามาก และก็เขียนถึงไปกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราขอเขียนระบายความเกลียดชังที่เรามีต่อตัวละครนางเอกหนังเรื่องนี้ก็แล้วกัน เพราะเราสงสัยว่ามีเราคนเดียวหรือเปล่าที่เกลียดชังตัวละครนางเอกหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรง บางทีอาจจะมีเราคนเดียวก็ได้ที่เป็น “นางมารร้าย” ที่เกลียดชังน้ำหน้าอีนางเอกประเภทนี้

1.คือจุดที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะเรารู้สึกว่าตัวละครมันเทาทั้งสองฝ่ายน่ะ ทั้งนางเอกและข้าราชการในระดับต่างๆ และมันก็เลยแตกต่างจากหนังแนว Kafkaesque โดยทั่วๆไป เพราะหนังแนว Kafkaesque โดยทั่วๆไปนั้น เราเข้าใจว่าตัวละครเอกมักจะค่อนข้างมีสถานะเป็น “ผู้บริสุทธิ์” นะ คือเป็นคนที่ต้องพบกับความยุ่งยากของระบบราชการโดยไม่จำเป็น คือตัวละครเอกจะ “ขาว” และตัวละครในระบบราชการ จะ “ดำ”  แต่ในหนังเรื่องนี้นั้น เรารู้สึกเกลียดนางเอกตั้งแต่ฉากแรกๆ และตัวละครข้าราชการหลายๆคนก็เทาๆด้วย มันก็เลยเทาๆทั้งสองฝ่าย พูดไปแล้วก็นึกถึงหนังประเภท DON’T BREATHE (2016, Fede Alvarez) และ FROM A HOUSE ON WILLOW STREET (2016, Alastair Orr, A-) ที่ตัวละครมันเทาทั้งสองฝ่ายเหมือนกัน และคนดูไม่รู้จะเข้าข้างฝ่ายไหนดี เพียงแต่ว่าสถานการณ์ใน I AM NOT MADAME BOVARY มันน่าสนใจกว่า เพราะตัวละครที่ดูเหมือนเป็นเหยื่อผู้ไม่ได้รับความยุติธรรมในหนังเรื่องนี้ จริงๆแล้วเรารู้สึกว่าเป็นตัวละครที่สมควรโดนตบไม่แพ้ตัวละครตัวอื่นๆ

2.หลายๆคนเปรียบเทียบหนังเรื่องนี้กับ THE STORY OF QIU JU (1992, Zhang Yimou, A+30) ซึ่งมันก็น่าเปรียบเทียบจริงๆ เพราะเราชอบความแตกต่างกันระหว่างหนังสองเรื่องนี้ คือเราดู THE STORY OF QIU JU ทางช่อง 7 เมื่อ 20 กว่าปีก่อน เราลืมรายละเอียดไปหมดแล้ว แต่จำได้ว่าตอนดูเราจะอินกับตัว Qiu Ju มากกว่า Li Xuelian ซึ่งเป็นนางเอกของ I AM NOT MADAME BOVARY หลายเท่าน่ะ คือเหมือนกับเราเข้าใจความโกรธแค้นในใจ Qiu Ju และเราสามารถ sympathize กับ Qiu Ju ได้ในระดับนึง ซึ่งตรงข้ามกับตัวละคร Li Xuelian ที่เรารู้สึกเป็นปฏิปักษ์ด้วยมากๆ

เราว่าสไตล์การถ่ายทำก็มีส่วนด้วยนะ คือ THE STORY OF QIU JU มันถ่ายทำคล้ายสารคดี คนดูก็เลยยิ่งอินได้ง่ายกว่า ส่วน I AM NOT MADAME BOVARY นี่ แค่เฟรมภาพมันก็เป็นการเตือนผู้ชมตลอดเวลาแล้วว่า เรากำลังดู fiction อยู่ เราก็เลยไม่แน่ใจว่าการที่เราเกลียด Li Xuelian นี่ เป็นเพราะเราเลวเอง หรือเป็นเพราะตัวผู้กำกับก็ตั้งใจให้คนดูวิพากษ์ตัวละครนางเอกอยู่แล้ว

แต่ความแตกต่างกันระหว่างหนังสองเรื่องนี้มันดี เพราะมันแสดงให้เห็นว่า I AM NOT MADAME BOVARY ไม่ได้ทำซ้ำในสิ่งที่คนเคยทำมาแล้ว และถึงแม้เราจะเกลียด Li Xuelian มากๆ แต่มันก็ถือว่าดีในแง่ภาพยนตร์ เพราะการสร้างภาพยนตร์ที่ตัว protagonist เทาๆปะทะกับตัวละครผู้ร้ายเทาๆ มันยากกว่าการสร้างภาพยนตร์ที่ตัวละครขาวๆปะทะกับตัวละครดำๆน่ะ

3.แล้วทำไมเราถึงเกลียด Li Xuelian (Fan Bingbing) มากๆ คือเรารู้สึกว่าเธอไปสร้างความชิบหายให้แก่ผู้พิพากษาคนแรกกับหัวหน้าผู้พิพากษาโดยไม่จำเป็นน่ะ คืออันนี้เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าเราเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แต่ถ้าเราเข้าใจอะไรผิด ก็บอกเรามาได้นะ เพราะเราเองก็ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายอะไรเลย

คือเราเข้าใจว่า ผู้พิพากษาคนแรก ตัดสินถูกต้องแล้วที่ให้การหย่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายน่ะ ก็นางเอกเซ็นใบหย่านั้นเอง ไม่มีใครปลอมลายเซ็นเธอ ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวเธอให้เธอเซ็น และเธอก็ไม่มี “หลักฐานทางกฎหมาย” ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอถูกสามีหลอก เธอมีเพียงแค่คำพูดของตนเองเท่านั้น แล้วผู้พิพากษาจะตัดสินเข้าข้างเธอได้ยังไง ผู้พิพากษาจะรู้ได้ยังไงว่าอีนี่พูดจริงหรือตอแหลอะไรขึ้นมาสดๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นยังไง แต่ถ้าดูตามหลักฐานทางกฎหมายแล้ว เราก็รู้สึกว่าผู้พิพากษาตัดสินถูกต้องแล้ว อีนางเอกเองนี่แหละที่เซ็นใบหย่าเองด้วย “เจตนาที่ไม่บริสุทธิ์” คือมึงน่ะแหละ “หลอกรัฐ” เอง ด้วยการเซ็นใบหย่านั้น แล้วรัฐหรือข้าราชการของรัฐจะต้องมามีหน้าที่ตัดสินเข้าข้างมึงทำไม ในเมื่อมึงเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายหลอกรัฐตั้งแต่แรก

คือเรามองเหมือนกับว่า นางเอกเซ็นใบหย่าเพราะสามีบอกปากเปล่าโดยไม่ได้ทำสัญญาใดๆเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ถ้าคุณเซ็น ผมจะให้วัตถุ A กับคุณ แล้วนางเอกก็โง่ เซ็นเอง ถูกหลอกเอง แล้วพอสามีไม่ให้วัตถุ A ตามที่สัญญาไว้ นางเอกจะต้องไปลากรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม ในเมื่อมึงโง่เอง มันเป็นเรื่องระหว่างมึงกับสามีมึงเอง ทำไมมึงต้องไปทำให้คนอื่นๆเดือดร้อนเพราะความโง่ของมึงเองด้วย ทำไมมึงต้องไปบังคับให้คนอื่นๆมาตัดสินเข้าข้างมึงด้วย ไหนล่ะหลักฐานทางกฎหมายที่จะยืนยันได้ว่ามึงไม่ได้ตอแหล แต่สามีเป็นฝ่ายตอแหล ถ้ามึงไม่มีหลักฐาน มึงก็ไม่ต้องไปลากกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง มึงก็ไปแก้แค้นอะไรกับสามีมึงเองสิ

แล้วพอเรามองว่าผู้พิพากษาคนแรกตัดสินถูกต้องตามความเห็นของเราแล้ว เราก็เลยมองว่าหัวหน้าผู้พิพากษาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย ที่เขาบอกให้นางเอกยื่นเรื่องอุทธรณ์ตามกฎหมาย ก็ผู้พิพากษาคนแรกไม่ได้ตัดสินอะไรผิดนี่ ไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้นว่าเขารับสินบน หรือลำเอียง เขาก็ตัดสินไปตามใบหย่าที่นางเอกเซ็นเองด้วยความเต็มใจ แต่เป็นการเซ็นด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งการเซ็นด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์นี่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะพิสูจน์ยืนยันได้ และมันก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้ใบหย่าเป็นโมฆะได้

เพราะฉะนั้นพอนางเอกพยายามจะแก้แค้นผู้พิพากษาคนแรกกับหัวหน้าผู้พิพากษา เราก็เลยรู้สึกเกลียดชังนางเอกอย่างรุนแรงในทันที เพราะเรารู้สึกว่า ถ้าหากเราตกอยู่ในสถานะเดียวกับผู้พิพากษาคนแรกหรือหัวหน้าผู้พิพากษา เราก็คงจะทำแบบเดียวกัน คือกูจะไปตัดสินเข้าข้างอีนางเอกได้ยังไง มันมี legal basis หรือหลักฐานทางกฎหมายอะไรยังไงเหรอที่จะทำให้กูไปตัดสินเข้าข้างมึงได้

แต่หลังจากนั้นตัวละครข้าราชการคนอื่นๆก็จะออกมาเทาๆนะ อย่างนายอำเภอที่หลอกนางเอกว่าตัวเองไม่ใช่นายอำเภอ, นายกเทศมนตรีที่บอกให้เอานางเอกไปให้พ้นหูพ้นตา และข้าราชการคนอื่นๆที่พยายามสกัดกั้นนางเอกจากการยื่นเรื่องร้องเรียน คือตัวละครข้าราชการเหล่านี้ก็ทำไม่ถูกต้องน่ะแหละ แต่เราก็สงสัยว่า ถึงพวกเขาจะเป็นข้าราชการที่มีจิตใจดีงาม แล้วพวกเขาจะช่วยนางเอกได้ยังไง มันมี legal basis อะไรที่สามารถช่วยนางเอกได้

แม้แต่ตัว big boss ก็เทาๆสำหรับเราเหมือนกัน คือเราเข้าใจว่าคำสั่งของเขาทำให้ผู้พิพากษาคนแรกกับหัวหน้าผู้พิพากษาต้องเด้งจากตำแหน่งน่ะ (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิดนะ) แต่สองคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดในความเห็นของเรา เพราะฉะนั้นคำสั่งของ big boss จึงไม่ชอบธรรมในความเห็นของเรา

แล้วถึงแม้นางเอกจะอ้างเหตุผลเรื่องนโยบาย...ในช่วงท้ายเรื่อง ว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง การกระทำของนางเอกมันก็ไม่ชอบธรรมอยู่ดี คือถ้ามึงมีปัญหากับนโยบายนี้ มึงก็ไม่ควรไปสร้างความเดือดร้อนให้ข้าราชการหรือผู้พิพากษาที่ไม่ได้เป็นคนออกนโยบายนี้สิ ถ้ามึงต่อต้านนโยบายนี้ มึงก็ต่อต้านนโยบายนี้ไปสิ หรือแก้แค้นกับสามีมึงสิ ไม่ใช่มาสร้างความเดือดร้อนให้คนที่ไม่ได้ออกนโยบายนี้

4.อีกสาเหตุที่ทำให้เราเกลียด Li Xuelian คือภาพลักษณ์ของตัวละครนี้น่ะ คือมึงทำภาพลักษณ์เป็น “เหยื่อผู้น่าเวทนา” เป็น “หญิงสาวที่ไม่ได้รับความยุติธรรม” คือภาพลักษณ์เป็นนางเอกผู้น่าเห็นใจน่ะ แต่สิ่งที่มึงทำนี่กูรับไม่ได้จริงๆ คือมึงน่ะเป็นฝ่าย “หลอกรัฐ” เอง แล้วรัฐจะมาช่วยมึงด้วยหลักกฎหมายอะไร


สรุปว่า ถ้าใครเกลียด Li Xuelian ก็บอกเราด้วยนะคะ เราจะได้รู้ว่า เราไม่ได้เป็นนางมารร้ายอยู่คนเดียว 555 

No comments: