Friday, April 14, 2017

THE RED TURTLE + IN THIS CORNER OF THE WORLD

THE RED TURTLE (2016, Michael Dudok de Wit, animation, A+30)

ในบรรดาหนังชิงออสการ์สาขา animation นั้น เรายังไม่ได้ดู MOANA นะ แต่เราชอบ MY LIFE AS A ZUCCHINI (2016, Claude Barras) มากที่สุด เพราะตัวละครในหนังมันสะเทือนใจเรามากที่สุด ส่วน THE RED TURTLE เราชอบเป็นอันดับสอง KUBO AND THE TWO STRINGS (2016, Travis Knight) เราชอบเป็นอันดับสาม และ ZOOTOPIA (2016, Byron Howard, Rich Moore, Jared Bush) ราชอบเป็นอันดับ 4

SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
เนื้อเรื่องบางจุดของ THE RED TURTLE ทำให้นึกถึง CRANE (1988, Kon Ichikawa) ที่เล่าตำนานของนกกระสาสาวที่เอามนุษย์หนุ่มมาทำผัว กับ WOMAN IN THE DUNES (1964, Hiroshi Teshigahara) ที่เล่าเรื่องของผู้ชายจากต่างแดนที่ถูกจับขังไว้และจำใจต้องยอมเป็นผัวของหญิงชาวบ้านคนนึง และจริงๆแล้วก็นึกถึงพระอภัยมณีด้วย ที่ถูกนางยักษ์จับไปทำผัว โดยเวลาจะร่วมรักกัน นางยักษ์ก็จะแปลงร่างเป็นมนุษย์สาวที่งดงาม จนมีลูกชายเป็นสินสมุทรออกมา

คือจริงๆแล้ว THE RED TURTLE คงต้องการจะนำเสนอประเด็นอะไรที่สวยงามนะ แต่การที่อีนังเต่าแดงมันพยายามกักขังชายหนุ่มไว้ในเกาะ และต่อมาก็เอาเขามาเป็นผัวนี่ มันทำให้นึกถึงอะไรข้างต้น 555


IN THIS CORNER OF THE WORLD (2016, Sunao Katabuchi, Japan, animation, 128min, A+30)

1.จุดที่เราร้องห่มร้องไห้อย่างรุนแรงมาในช่วง 3 นาทีสุดท้ายของ ending credits ของหนังเรื่องนี้ คือ ending credits ของหนังเรื่องนี้แบ่งออกเป็นสองช่วง โดยช่วงแรกจะเล่าถึงชีวิตของตัวละครหลักในหนังต่อเนื่องไปเรื่อยๆในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พอเข้าช่วงที่สอง มันจะเล่าชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตของ Lin ซึ่งเป็นตัวละครประกอบที่เราอินมากๆ 

คือ Lin โผล่มาในหนังประมาณแค่ 5-10 นาทีได้มั้ง แต่มันเป็นตัวละครที่เรารู้สึก identify ด้วยอย่างรุนแรงมากกว่าตัวนางเอก คือ Lin เป็นเด็กหญิงยากจนที่ไม่เคยได้กินเนื้อแตงโม เธอเคยกินแต่แค่เศษแตงโมที่ติดอยู่ตามเปลือกแตงโมที่คนอื่นๆกินทิ้งไว้เท่านั้น แต่พอเธอได้เจอนางเอกในวัยเด็ก นางเอกก็เอาเนื้อแตงโมให้เธอกิน แต่ต่อมานางเอกก็เข้าใจผิดว่า Lin เป็นผีที่โผล่มาในยามโพล้เพล้ (ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด)

นางเอกได้เจอ Lin โดยบังเอิญอีกครั้งในตอนโต โดยในตอนนั้น Lin ทำงานในซ่องโสเภณี แต่เราไม่แน่ใจว่าเธอเป็นโสเภณีหรือเธอทำงานเป็นแค่คนใช้ในซ่อง นางเอกได้คุยกับ Lin แค่ 5 นาที แล้วตัวละครตัวนี้ก็หายไปจากเรื่อง

เพราะฉะนั้นการที่อยู่ดีๆ ending credits มันมาเล่าชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตของ Lin เราก็เลยร้องไห้อย่างรุนแรง เพราะเราอินกับตัวละครตัวนี้น่ะ และการที่หนังทำแบบนี้ มันเหมือนกับหนังไม่ได้มองว่า อีนี่มีหน้าที่เป็นแค่ตัวประกอบ ที่มาคอยเชิดชูตัวนางเอกเท่านั้นแต่มันเหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้ treat Lin ว่าเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตเป็นของตัวเองคนหนึ่ง Lin เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตเหมือนนางเอก คือถึงแม้ว่าหนังจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับชีวิตของ Lin มากเท่ากับชีวิตของนางเอก หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อ Lin เหมือนกับว่า ชีวิตของเธอมีหน้าที่แค่คอยช่วยเสริมนางเอกท่านั้นแต่ Lin มีชีวิตที่เป็นตัวของตัวเองจริงๆด้วย

หนังเรื่องนี้ได้ใจเราจริงๆก็ใน ending credits ช่วง 3 นาทีสุดท้ายนี่แหละ และมันถือเป็นการใช้ ending credits ที่เราชอบที่สุดเรื่องนึงในชีวิตไปเลย มันเป็นการใช้ ending credits เพื่อบอกว่า ตัวละครประกอบในเรื่องนี้ ไม่ได้มีชีวิตเพียงเพื่อเป็นแค่ตัวละครประกอบ แต่มันมีชีวิตเป็นของตัวเอง

2.เนื้อเรื่องหลักของหนัง เราก็ชอบมากๆๆๆนะ จนถึงตอนนี้เรายังถามตัวเองอยู่เลยว่า ถ้าหากเราเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับนางเอก เราจะมีกำลังใจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร คือแค่เราเจ็บป่วยเหี้ยห่ารายวันแบบนี้ เราก็เบื่อการมีชีวิตอยู่มากๆแล้ว คิดอยู่แต่ว่าเมื่อไหร่กูจะพ้นทุกข์เสียที แล้วถ้าชีวิตเราเจออะไรหนักๆแบบนางเอกนี่ การที่จะมีกำลังใจมีชีวิตอยู่ต่อไป มันคงต้องอาศัยความเข้มแข็งทางจิตใจเป็นอย่างมาก

3.สำหรับเราแล้ว เราชอบ YOUR NAME (2016, Makoto Shinkai) มากกว่าหนังเรื่องนี้นะ เพราะ YOUR NAME มันตอบสนองความพาฝันแบบนิตยสารต่วยตูนพิเศษของเราได้ดีน่ะ และเราไม่ค่อยเจอหนังที่ตอบสนองเราในจุดนี้ ในขณะที่ IN THIS CORNER OF THE WORLD เล่าเรื่องของสงครามโลกครั้งที่สองในแบบที่ใกล้เคียงกับที่เราเคยดูมาแล้วในหนังญี่ปุ่นประมาณ 50 เรื่อง คือ IN THIS CORNER OF THE WORLD มันดีสุดๆน่ะแหละ แต่เราแอบเบื่อกับเนื้อเรื่องแบบนี้แล้ว และมันก็มีหนังบางเรื่องที่เล่าเรื่องญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองได้สะเทือนใจเรากว่าหนังเรื่องนี้มากๆ อย่างเช่น THE FACE OF JIZO (2004, Kazuo Kuroki), YUNAGI CITY, SAKURA COUNTRY (2007, Kiyoshi Sasabe) และWOMEN IN THE MIRROR (2002, Yoshishige Yoshida) คือพอมันมีตัวเปรียบเทียบเยอะมากๆๆ IN THIS CORNER OF THE WORLD ก็เลยลดความพิเศษในใจเราลงไปนิดนึง

No comments: