Wednesday, May 10, 2017

BAD GENIUS (2017, Nattawut Poonpiriya, A+30)

BAD GENIUS (2017, Nattawut Poonpiriya, A+30)
ฉลาดเกมส์โกง

1.จริงๆแล้วช่วงนี้ไม่มีเวลาเขียนถึงหนังเรื่องไหนทั้งนั้น ตอนแรกอยากทำเพียงแค่จดบันทึกว่าให้เกรด A+30 แล้วบอกว่าชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้มากๆ แต่กลัวว่าเขียนแค่นี้แล้วคนจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง แล้วก็กลัวว่าในอนาคตตัวเองจะลืมไปด้วยว่า ทำไมถึงชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้มากๆ ก็เลยคิดว่าจดบันทึกไว้ก่อนดีกว่า อนาคตตัวเองจะได้ไม่ลืมว่าทำไมถึงชอบตอนจบของหนัง

SPOILERS ALERT

--
--
--
--
--
--
--
--
--
--
คือตอนจบของหนังทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้มากในระดับ A+30 แต่หนังเรื่องนี้คงไม่ถึงขั้นติดอันดับ top ten ประจำปีน่ะ เพราะในตอนจบ เราคงทำแบบนางเอก แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่เหมือนกับนางเอก เพราะฉะนั้นเราจึงสะใจกับตอนจบ เพราะตัวละครทำในสิ่งที่เราเองก็คงเลือกที่จะทำ แต่เราก็ไม่ได้สะใจกับมันแบบสุดๆถึงขั้นที่จะติด top ten ประจำปี เพราะเหตุผลของนางเอกกับเหตุผลของเราคงไม่เหมือนกัน

แต่เราไม่ได้บอกว่าตอนจบของหนังเรื่องนี้ดีนะ คือถ้าคนบอกว่าตอนจบมันไม่ convincing เราก็ว่ามันฟังขึ้นในแง่นึงนะ คือจริงๆแล้วอีรินนี่ทำในสิ่งที่เราไม่เลือกที่จะทำตั้งแต่ต้นเรื่องอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนจบมันเลือกทำแบบเดียวกับเราเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นในแง่ที่ว่าตอนจบมัน convincing หรือไม่ ก็เป็นประเด็นนึง เราเพียงแค่สะใจที่รินเลือกทำแบบเดียวกับเราในตอนจบเท่านั้น

แต่ถ้าเป็นเรา เราคงทำด้วยเหตุผลที่ต่างออกไปน่ะ คือเราคงทำแบบเดียวกับริน เพราะมันทั้งได้ “ทำลายตัวเอง” ด้วย และทำลาย “คนที่เราเกลียดชัง” ด้วย ซึ่งก็คือ พัฒน์, เกรซ และแบงค์ 555 คือถ้าเราเป็นริน เราคงเกลียดพัฒน์อย่างรุนแรงที่สุด เพราะเรารับไม่ได้กับการส่งคนไปทำร้ายแบงค์ แล้วเราก็เกลียดอีเกรซ คุณหนูอย่างมึงไม่มีวันเข้าใจความเจ็บปวดของกูหรอก เพราะฉะนั้นอีเกรซ มึงต้องเจอฤทธิ์ของกูบ้าง แล้วเราก็เกลียดแบงค์ในช่วงท้าย ที่พยายามข่มขู่เรา คือถ้ามึงคิดจะข่มขู่กู กูก็ยินดีฆ่าตัวตาย หรือทำในสิ่งที่คล้ายกับการฆ่าตัวตาย อย่างเช่นการสารภาพผิด แต่ก่อนที่กูจะฆ่าตัวตาย กูจะแผลงฤทธิ์ให้หนักที่สุดก่อน

เพราะฉะนั้นในตอนจบ เราก็คงทำแบบเดียวกับริน เพราะมันคล้ายๆกับการพลีชีพ หรือการฆ่าตัวตาย แต่เราจะไม่ทำเพื่อผดุงความยุติธรรม แต่เราจะทำเพื่อความสะใจที่ได้ทำลายตัวเองและทำลายคนที่เราเกลียดชังไปด้วยพร้อมๆกัน คือกูไม่สนเงินล้านสิบล้านอะไรอีกต่อไป กูไม่อยากมีอนาคตหรือมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ความสะใจที่ได้ทำลายคนที่เราเกลียดชังนี่แหละ คือสิ่งที่กูขอทำก่อนตาย และมันก็ทำได้ง่ายๆเพียงแค่การพูดความจริงเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นตอนจบของ BAD GENIUS ก็เลยสะใจเรามาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นติด top ten ประจำปี เพราะ “การกระทำ” มันตรงใจเรา แต่ “เหตุผลในการกระทำ” มันไม่ตรงใจเรา

2.อันนี้ไม่เกี่ยวกับ BAD GENIUS โดยตรง คืออีกเหตุผลนึงที่ BAD GENIUS คงไม่ติด top ten ประจำปีเรา เพราะมันไม่มีตัวละคร “หญิงสาวที่หลงใหลในความตาย หรือมีแรงผลักดันในการทำลายตัวเอง” น่ะ แต่อันนี้ไม่ใช่ความผิดของ BAD GENIUS นะ หนังทุกเรื่องมันไม่ได้มีหน้าที่สร้างตัวละครให้เราอินอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าหากรินสารภาพผิดในตอนจบ เพราะ “อยากทำลายตัวเอง” ด้วย หนังเรื่องนี้ก็คงติด top ten ประจำปีของเราอย่างแน่นอน

ส่วนหนังที่จะติด top ten ประจำปีของเรา คือหนัง “สารคดี” เกี่ยวกับสงครามซีเรียเรื่อง THE WAR SHOW (2016, Obaidah Zytoon, Andreas Dalsgaard) และ A157 (2015, Behrouz Nouranipour) น่ะ และสาเหตุส่วนนึงเป็นเพราะว่า หนังสารคดีสองเรื่องนี้สัมภาษณ์เด็กสาวอายุ 11-13 ปี ที่พูดถึง “ความตาย” ได้อย่างหลอนมาก หรืออย่างฝังใจเราอย่างรุนแรงมากๆ คือในช่วงต้นของ THE WAR SHOW นั้น มีเด็กหญิงอายุ 11-12 ปี หน้าตาน่ารักสดใส ที่มาร่วมขบวนประท้วงประธานาธิบดี Bashar al-Assad อย่างกล้าหาญ แต่พอผู้สัมภาษณ์ไปสัมภาษณ์เด็กหญิงคนนี้ เด็กหญิงคนนี้ก็ดูเหมือนจะมีความหมกมุ่นอะไรบางอย่างกับความตาย และผู้สัมภาษณ์ก็เลย stunned ไปเลย ไม่รู้จะสัมภาษณ์เด็กหญิงคนนี้ต่อยังไงดี ส่วนในหนังสารคดีเรื่อง A157 นั้น subject คนนึงของหนังเป็นเด็กสาวอายุ 13 ปีที่พูดถึงเรื่องความตาย และต่อมาเธอก็ฆ่าตัวตายจริงๆ

3.สรุปว่าย่อหน้าเมื่อกี้ไม่เกี่ยวอะไรกับ BAD GENIUS เราแค่จะชี้ให้เห็นเท่านั้นแหละว่า หนังที่เข้าทางเราแบบสุดๆ มันต้องมีตัวละครแบบไหนเท่านั้นเอง ส่วน BAD GENIUS นั้น เราว่าก็บันเทิงดี เราชอบมันเหมือนหนังบอลลีวู้ดและหนังบางเรื่องของ Brian de Palma น่ะ คือเรารู้สึกว่ามัน “เร้าอารมณ์” เรามากเกินไปในบางจุดนะ แต่มันก็เป็นหนังที่จงใจสร้างมาเพื่อความบันเทิงและความเร้าอารมณ์น่ะ เราก็เลยไม่ได้เกลียดความเร้าอารมณ์ของมัน 555

4.อีกจุดนึงที่ทำให้ชอบ BAD GENIUS มากๆ นั่นก็คือเรารู้สึกมานานแล้วว่า ความสนุกในการดูหนัง thriller บางเรื่อง มันคล้ายๆกับความสนุกของเราตอนทำข้อสอบคณิตศาสตร์หรือข้อสอบวิชาบัญชีน่ะ 555 ซึ่งอันนี้อาจจะไม่ตรงกับความรู้สึกของหลายๆคน แต่สำหรับเรานั้น เรารู้สึกว่าตอนได้ทำข้อสอบคณิตศาสตร์ตอนมัธยมปลาย+ตอนเอ็นทรานซ์ นี่ มันเป็นอะไรที่สนุกตื่นเต้นเยี่ยวเหนียวลุ้นระทึกหีแตกมากๆ ซึ่งเป็นเพราะเราไม่เก่งเลขด้วย คือวิชาคณิตศาสตร์มันยากเกินไปสำหรับเรา แต่มันก็สนุกตื่นเต้นไปด้วยในเวลาเดียวกัน จำได้ว่าตอนเอ็นทรานซ์นี่ ข้อสอบเลขมี 100 ข้อ แต่กูทำไปได้แค่ 37 ข้อเท่านั้นเอง เวลาก็หมดแล้ว แต่มันเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่สนุกตื่นเต้นที่สุดในชีวิต การพยายามทำข้อสอบเลขให้ทันเวลานี่ เป็นประสบการณ์ที่มันส์จริงๆ

เราก็เลยชอบมากที่ BAD GENIUS เอา “ความลุ้นระทึก” ของหนังกับความลุ้นระทึกในการทำข้อสอบวิชาเลขมารวมกัน มันตรงกับใจเรามากๆ


ตอนปี 1990 เราสอบเลขเพื่อเอ็นทรานซ์เข้าคณะบัญชี แต่เรียนไปแล้วไม่ชอบ ก็เลยซิ่วมาเข้าคณะอักษรศาสตร์ในปีต่อมา ซึ่งตอนเรียนคณะอักษรศาสตร์นี่ เราไม่เคย “ลุ้นระทึก” ตอนสอบเหมือนตอนเอ็นทรานซ์เลยนะ เพราะเราได้เรียนในวิชาที่ “ชอบ” น่ะ มันก็เลยไม่รู้สึกหีแตกตอนสอบ ซึ่งต่างกับตอนเอ็นทรานซ์เข้าคณะบัญชี แล้วต้องสอบเลข ประสบการณ์ตอนนั้นนี่แหละ คือประสบการณ์ทำข้อสอบแล้วรู้สึกสนุกตื่นเต้นหีแตกที่สุดในชีวิตของเรา 

No comments: