Wednesday, June 07, 2017

WONDER WOMAN

WONDER WOMAN (2017, Patty Jenkins, A+20)

 ตอนดูจะนึกถึงหนึ่งในหนังที่เราชอบมากที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือ GOLDEN SWALLOW โอม สู้แล้วอย่าห้าม (1987, O Sing-Piu) ในแง่ที่ว่า หนังทั้งสองเรื่องมันตั่งคำถามถึง essence of mankind ว่า ดี หรือ ชั่ว และ mankind มัน redeemable หรือไม่ และเราชอบที่ตัวร้ายใน WONDER WOMAN มัน "ใกล้เคียง" กับความรู้สึกเกลียดชังมนุษย์ในใจเรา ซึ่งมันแตกต่างจากหนัง superhero บางเรื่องที่ตัวร้ายอยากครองโลก เพราะตัวร้ายประเภทนั้นมันไม่ได้ใกล้เคียงกับเราเลย เพราะกูไม่ได้อยากครองโลก กูแค่เกลียดชังมนุษย์ในบางเวลา และมองว่าธรรมชาติของมนุษย์มันเลวในบางเวลา เราก็เลยค่อนข้างประทับใจกับประเด็นของหนัง มันเหมือนกับความขัดแย้งในใจเราที่ใจหนึ่งก็เกลียดชังมนุษย์ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากมีผัว

ในแง่หนึ่ง WONDER WOMAN ก็เลยเหมือนเป็นเหรียญอีกด้านของ โอม สู้แล้วอย่าห้าม เพราะโอมฯ เล่าเรื่องความรักของมนุษย์หนุ่มกับ "อมนุษย์หญิง" เหมือนกัน แต่อมนุษย์หญิงตัวนี้ ถูกปลูกฝังมานานแล้วว่า "มนุษย์เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เห็นแก่ตัว ละโมบ" คือเธอเหมือนถูกปลูกฝังให้เชื่อในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับนางเอกของ WONDER WOMAN แต่ความเงี่ยนผู้ชายก็ทำให้เธอเริ่มเปลี่ยนใจ และเริ่มยอมรับมนุษย์ได้มากขึ้น

แน่นอนว่า เราชอบ โอม สู้แล้วอย่าห้าม มากกว่า WONDER WOMAN หลายเท่า เพราะนางเอกของโอมฯ ไม่ได้มีความเป็น hero ใดๆ เธอลุกขึ้นสู้กับปีศาจร้ายเพื่อปกป้องผัวรักของเธอเท่านั้นเอง ในแง่นี้ โอม สู้แล้วอย่าห้าม ก็เลยกลายเป็นหนึ่งในหนังที่ทำให้เรารู้สึกอินมากที่สุดในชีวิต ส่วน WONDER WOMAN นั้น เราโอเคกับการกำกับมากๆ ชอบการโพสท่าสวยๆในหนังเรื่องนี้ และก็ชอบมันมากกว่าหนังอย่าง SUPERGIRL (1984, Jeannot Szwarc) และ CATWOMAN (2004, Pitof) แต่เราก็ไม่อินกับพลังแห่งความดีงามและความรักในหนังเรื่องนี้ และก็แน่นอนว่าเราชอบ "สวยประหาร" (1992, Johnnie To) มากกว่าเรื่องนี้ประมาณ 100 เท่าอยู่ดี

--เห็นด้วยอย่างสุดๆกับน้องกีวี่ที่ว่า "สิ่งที่ Aries พูดนั้นเข้าท่าและน่าคิด" และนั่นแหละคือจุดที่เราชอบมากที่สุดใน WONDER WOMAN (2017, Patty Jenkins) คือเรารู้สึกเหมือนกับว่า จริงๆแล้วที่หนังต้องจบด้วยพลังแห่งความรักนั้น เป็นเพราะมันถูก "บังคับ" ด้วยกรอบและกฎเกณฑ์ของหนัง superhero น่ะ แต่ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือการทำให้ผู้ร้ายดูเข้าท่าและน่าคิดนี่แหละ คือเรารู้สึกเหมือนกับว่า จริงๆแล้ว หนังเรื่อง MONSTER (2003, Patty Jenkins) ของผู้กำกับคนเดียวกันนั้น มันนำเสนอ Aileen Wuornos "ผู้หญิงที่มีตัวตนจริง" ที่เป็นขั้วตรงข้ามของ WONDER WOMAN เพราะหนังเรื่อง MONSTER นั้น จบลงด้วยคำพูดของนางเอกในทำนองที่วา ความเชื่อเรื่อง "LOVE CONQUERS ALL" เป็นความเชื่อที่ตอแหลสิ้นดี คือเรารู้สึกว่า Patty Jenkins เก่งสุดๆในการนำเสนอตัวละคร Aileen Wuornos และ Aries น่ะ และตัวละครทั้งสองตัวนี้ ต่างก็เป็นขั้วตรงข้ามของ Wonder Woman เหมือนๆกัน

MONSTER จบลงด้วยการที่ Aileen บอกว่า ความเชื่อดังต่อไปนี้เป็นเรื่องตอแหลสิ้นดี "Love conquers all." "Every cloud has a silver lining." "Faith can move mountains." "Love will always find a way." "Everything happens for a reason." "Where there is life, there is hope."

เรารู้สึกว่า Aileen อาจจะเคยเป็นเด็กหญิงที่มีความฝันที่บริสุทธิ์เหมือนไดอาน่าตอนเป็นเด็กก็ได้ แต่ประสบการณ์จากชีวิตจริงทำให้ Aileen กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และพบว่า LOVE CONQUERS ALL เป็นเรืองตอแหล แทนที่จะกลายเป็น superheroine ผู้เชื่อมั่นในความรักและศรัทธาแบบไดอาน่า

ชอบประโยคนี้ที่ Aileen พูดใน MONSTER มากๆ

"When I was little I thought for sure that one day, I could be a big, big star. Or maybe just beautiful... beautiful and rich, like the women on TV. Yeah, I had a lot of dreams. And I guess you can call me a real romantic, because I truly believe that one day, they'll come true. So I dreamed about it for hours. As the years went by, I learnt to stop sharing them with people. They said I was dreaming. But back then, I believed it whole heartily. So whenever I was down, I would just escape into my mind... to my other life, where I was someone else. It made me happy to think that all these people just didn't know yet who I was gonna be. But one day they'll all see."

บางทีจริงๆแล้ว Aileen อาจจะไม่ได้ต้องการเป็นฆาตกรต่อเนื่องก็ได้ บางทีเธออาจจะอยากเป็นอย่างไดอาน่า แต่ "ชีวิตจริง" ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เป็น


--แป๊บเขียนได้งดงามมากๆ โดยส่วนตัวเราแล้ว เราไม่ได้อินกับความไร้เดียงสาของนางเอก แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านความไร้เดียงสาของนางเอกนะ ในแง่นึงดูแล้วก็นึกถึงตัวเองในวัยเด็กน่ะ เพราะตอนเราเป็นเด็ก ถึงแม้เราจะมีปัญหาชีวิตหนักหน่วง (และไม่ได้ใฝ่ฝันว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป) เราก็ถูกทำให้เชื่อว่า โลกมนุษย์มันจะดีขึ้นเรื่อยๆ มันจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเราเรียนม.4 และได้ดูหนังเรื่อง BETRAYED (1988, Costa-Gavras) เราถึงเพิ่งค้นพบตัวเองว่า เรามองมนุษย์ในแง่ดีเกินความเป็นจริงมาโดยตลอด จุดพลิกผันของนางเอกใน WONDER WOMAN ก็เลยทำให้นึกถึงตัวเองตอนม.4

No comments: